KTAM ขายตราสารหนี้ 3 เดือนชู 0.90% ต่อปี

38

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย Roll Over รอบใหม่ คือ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 (KTSIV3M1)  ตั้งแต่วันที่ 6-10 มกราคม 2563 อายุโครงการประมาณ 3 เดือน มีระดับความเสี่ยงของกองทุนที่ระดับ 4 คือ ปานกลางค่อนข้างต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เงินฝาก/ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 0.90% ต่อปี ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับไม่เสียภาษี ยกเว้นนิติบุคคลต่างประเทศที่ไม่ประกอบกิจการในประเทศไทย

โดยตราสารที่คาดว่าจะลงทุน เช่น ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานี ลิสซิ่ง ในสัดส่วนประมาณ 9% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยประมาณ 0.14% ต่อปี หุ้นกู้ระยะสั้น บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ในสัดส่วนประมาณ 9% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยประมาณ 0.16% ต่อปี ตั๋วแลกเงิน บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ในสัดส่วนประมาณ 9% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยประมาณ 0.16% ต่อปี และพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง เป็นต้น

อนึ่ง ทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานฯ อนุญาตให้ลงทุนได้ภายใต้กรอบการลงทุนของ บลจ. กรุงไทย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้

ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ 20-27 ธันวาคม 2562 อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อของนักลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากกระแส Risk Off ตามแนวโน้นการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและการลดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ กนง. เป็น 1%-3% จากเดิม 1%-4% ที่ทำให้ตลาดคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะเวลาข้างหน้าที่น้อยลง ท่ามกลางสภาพคล่องในระบบที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเป็นยอดขายสุทธิจำนวน 6,621 ล้านบาท

โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปีปรับตัวลดลง 3 bps. มาอยู่ที่ 1.18% ต่อปี (ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) อายุคงเหลือ 5 ปีปรับตัวลดลง 8 bps. มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี (เท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) และอายุคงเหลือ 10 ปีปรับตัวลดลง 10 bps. มาอยู่ที่ 1.48% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคม ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อไนไหวของตลาดหุ้นและตรลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ

www.mitihoon.com