ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น”รายงานว่า บมจ.ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL โดย “บล.ทรีนีตี้” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/62 ของ BBL คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,930 ล้านบาท เติบโต 5% จากไตรมาสก่อน และ เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญ คือ1. คาดสินเชื่อในไตรมาสนี้ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน ขณะที่ Interbank อาจเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่า NIM อ่อนตัวลงเล็กน้อยราว 5 bps ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจอ่อนตัวลงเล็กน้อย
ส่วน 2. คาดรายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยราว 2% จากไตรมาสก่อน จากการขายประกันและกองทุนรวมในช่วงปลายปี ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอาจเติบโตสูงถึง 70% จากไตามาสก่อน เนื่องจากมีกำไรจากเงินลงทุน หลังในไตรมาสนี้ธนาคารมีการขายเงินลงทุนจำนวนหนึ่ง , 3.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอาจเพิ่มขึ้นราว 17% จากไตามาสก่อน ซึ่งเป็นปกติสำหรับช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามด้วยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Cost-to-income ratio ค่อนข้างต่ำที่ 43.6%,4. คาดสัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยหลักมาจากคุณภาพหนี้ของลูกหนี้ SME ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เพิ่มขึ้น บวกกับที่มีกำไรจากเงินลงทุนทำให้ธนาคารอาจตั้งสำรองส่วนเกินเพิ่มเติม ทำให้คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อาจเพิ่มขึ้นราว 17% จากไตามาสก่อน
สำหรับแนวโน้มในปี 63 คาดว่าการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จะช่วยหนุนให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการรวมงบของ Permata Bank โดยกำไรของ Permata Bank คิดเป็นสัดส่วนราว 8% ของกำไรของธนาคาร (เทียบจากงบ 9M63) ทั้งนี้เราอยู่ระหว่างการปรับประมาณการกำไรปี 63-64 เพื่อรวมกำไรของ Permata Bank เข้ามาในอนาคต ฝ่ายวิจัยคงราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 205 บาท อิง PBV 0.88 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันที่อ่อนตัวลงมาทำให้ Upside ยังคงน่าสนใจ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”