บลจ.วี ย้ำธีมความปลอดภัยมาแรง สบช่องเสิร์ฟกองทุนใหม่หาโอกาสทำกำไร

85

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า ในมุมมองของ บลจ.วี มองว่า ธีมการลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปีเป็นธีมการลงทุนที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมจากปัจจัยพื้นฐาน

โดยจะเห็นได้ว่าความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นสิ่งสำคัญ ที่บุคคลให้ความสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคดิจิทัลปัจจุบันที่มีการเชื่อมต่อถึงกันทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภคซึ่งมีการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกไซเบอร์ รวมถึง ภาครัฐและภาคธุรกิจต่างตระหนักถึงความสำคัญ และระมัดระวังความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์มากขึ้น

ธุรกิจกลุ่มสินค้าปลอดภัยโตยาวเฉลี่ย5-8%

ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจในกลุ่มสินค้าปลอดภัย จะเติบโตในอัตราประมาณ 5-8% ต่อเนื่องจนถึงปี 2025 ซึ่งนับเป็นช่วงเริ่มต้นของการเติบโตในธุรกิจกลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสการลงทุน บลจ.วี จึงเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิด วี โกลบอล ซีเคียวริตี้ อิควิตี้ (WE-GSECURE) ระหว่างวันที่ 24-30 ม.ค. 2563 โดยกองทุนจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก CS Investment Fund2 –Credit Suisse (Lux) Security Equity Fund Class IB ซึ่งบริหารจัดการโดย Credit Suisse Asset Management ซึ่งมีทีมลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนระยะยาวในหุ้นกลุ่มธุรกิจความปลอดภัยและเติบโตยั่งยืน

โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทที่มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยใน 5 กลุ่มดังนี้ 1.) ด้านเครือข่าย ระบบเทคโนโลยีและข้อมูล 2.) ด้านการป้องกันอาชญากรรม 3.) ด้านการเดินทางและขนส่งมวลชน 4.) ด้านสุขภาพ และ 5.) ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเลือกลงทุนในหุ้นประมาณ 40-60 บริษัทในกลุ่มดังกล่าว

ด้วยการใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการคัดเลือกหลักทรัพย์ ได้แก่ 1. Pure-play investments เลือกหลักทรัพย์ที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50% จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย 2.คัดเลือกหุ้นแบบ Bottom Up โดยการวิเคราะห์หลักทรัพย์ตามปัจจัยพื้นฐาน โดยเน้นลงทุนระยาวประมาณ 7-10 ปี โดยกลุ่มหุ้นที่เลือกลงทุนต้องผ่านเกณฑ์ด้าน ESG ในแง่ของการทำธุรกิจยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนของ Credit Suisse Asset Management ส่งผลให้กองทุนหลักมีผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดย ณ วันที่ 30 พ.ย. 2019 ที่ผ่านมากองทุนหลักให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 8.3% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 14.6% และผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 29.2% เทียบกับดัชนี MSCI World ESG Leader อยู่ที่ 7.7% 13.7% และ 24.8% ตามลำดับ*