มิติหุ้น-LPH เผยประกันสังคมปรับค่าหัวเพิ่มหนุนผลงานดีขึ้น เผยปี 2563 ขอโควตาประกันสังคมเพิ่มอีก 1 หมื่นราย พร้อมปักหมุดรายได้ปี 2563 โต 20-25% จาก Excellent Center เปิดครบทุกศูนย์ หนุนรายได้โต พร้อมรุกคนไข้ต่างชาติชาวอาหรับเพิ่ม เดินหน้าตลาด Check-Up เสริมแกร่งรายได้ แย้มแผนลงทุนกลางปีหน้าก่อสร้างอาคารใหม่อีก 3 อาคาร รองรับผู้ป่วยเพิ่ม พร้อมดันบริษัทลูก AMARC เข้าตลาด ล่าสุดเนื้อหอมมีพันธมิตรห้องแล็บระดับโลกเจรจาขอเข้าถือหุ้น หากตกลงกันได้ พร้อมนำเข้า SET ตามแผนต้นปี 2564
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการแพทย์ได้พิจารณาอนุมัติปรับเพิ่มค่าหัวประกันสังคม ที่จ่ายให้โรงพยาบาลในเครือประกันสังคมในส่วนต่างๆเพิ่มขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 140 บาท จากเดิมจ่ายให้ประมาณ 1,500 บาทต่อหัวต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 นับเป็นผลดีต่อ LPH แน่นอน คาดว่ารายได้ในส่วนของผู้ป่วยประกันสังคมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ซึ่งยังไม่รวมโควตาใหม่ที่ปีนี้รพ.ลาดพร้าว ได้ยื่นขอโควตาเพิ่มอีก 1 หมื่นคน จากปัจจุบัน มีผู้ประกันตนประมาณ 161,000 คน หากได้รับการอนุมัติจะทำให้ในปี 2563 โรงพยาบาล ลาดพร้าว มีผู้ประกันตนเพิ่มเป็น 170,000 คน โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้ยังคงเดิมแบ่งเป็น ผู้ป่วยประเภทเงินสด 60% และรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคม 40%
สำหรับปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 25-30% จากผู้ป่วยเงินสดที่คาดว่าจะเติบโตได้กว่า 30% นอกจากนี้ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) ได้เปิดให้บริการครบทั้ง 10 ศูนย์ คาดว่าจะมีผู้ป่วยทั่วไปเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้รายได้ในส่วนนี้จะเติบโตราว 20-30% อีกทั้งยังมีการมองโอกาสขยายสัดส่วนฐานคนไข้ต่างชาติ อย่างเช่น คนไข้ชาวอาหรับ กลุ่ม CLMV ซึ่งโรงพยาบาลได้รับผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้มาดูแลโดยเฉพาะ จึงเชื่อว่าจะมีโอกาสเพิ่มคนไข้ชาวอาหรับได้ จากปัจจุบันที่บริษัทมีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติเพียงเล็กน้อย รวมถึงปีนี้เราจะปรับระบบการรักษาพยาบาลและการดูแลคนไข้ที่เป็นคนไทย ให้เสมือนคนไข้ต่างชาติ โดยจัดทำโครงการ “โรงพยาบาลคุณภาพ คู่คุณธรรม” และขอมาตรฐานสากล JCI ครบทุกศูนย์
“ปีนี้เชื่อว่าจะเป็นปีที่ดีของโรงพยาบาล ลาดพร้าว เนื่องจากศูนย์ Excellent Center เปิดให้บริการครบทั้ง 10 ศูนย์ ทำให้มีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้ป่วยที่ชำระเงินสด ขณะที่รายได้เหมาจ่ายจากประสังคมจะเพิ่มขึ้น 5% รวมทั้งรายได้จากคนไข้ต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ในเรื่องราคาค่ารักษาพยาบาลเราอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเรามีต้นทุนด้านบุคลากรที่ต้องปรับค่าตัวขึ้นทุกปี เราอยู่ใน Green Hospital และ Price List ของกระทรวงพาณิชย์ ราคาค่ารักษาของรพ.ลาดพร้าวไม่ได้สูงมาก เราอยู่ระดับกลางๆ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยบวกในการสนับสนุนรายได้รวมปีนี้เป้าหมายจะทำนิวไฮแตะ 2,000 ล้านบาท และส่งผลต่อกำไรที่คาดว่าจะดีขึ้น จากการควบคุมต้นทุนต่างๆได้ดี” ดร.อังกูร กล่าว
นอกจากนี้ จะยังเดินหน้าในการให้บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ (Check Up) ในปีนี้ได้มีการปรับแผนซึ่งจะเน้นเรื่องของคุณภาพและบริการการตรวจมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้จากกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยปี 2563 นี้มีการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร ทีมการตลาดของเราเอง และตั้งทีม Out Source ที่มีคุณภาพมาดูแล คาดว่าจะมีการให้บริการลูกค้าที่ตรวจสุขภาพนอกสถานที่ได้ถึง 2 แสนราย วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 150 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าตลาด Check Up ยังมีโอกาสโตได้อีก จากโครงการ อีอีซี ทำให้มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นและอยู่ในกฎหมายแรงงานที่กำหนดให้พนักงานต้องตรวจสุขภาพทุกปี
อีกทั้ง LPH ยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนก่อสร้างอาคารใหม่ จำนวน 3 อาคาร ในพื้นที่โรงพยาบาลลาดพร้าวเดิม โดยอาคารแรกจะเป็นอาคารจอดรถอัจฉริยะ 400 คัน อาคารที่ 2 จะเป็นโรงพยาบาลด้านตา และอาคารสุดท้ายจะเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านหัวใจ ปอดและไต ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างขอเจรจาพันธมิตรพร้อมทีมแพทย์เชี่ยวชาญเพื่อมาดูแลในส่วนนี้ คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างทั้ง 3 อาคารในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 นี้ ส่วนแผนการลงทุนโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา อยู่ในระหว่างทบทวนอีกครั้ง เพื่อพิจารณาปัจจัยรอบด้านประกอบ ทั้งความสามารถในการให้บริการบริเวณนั้น ภาพรวมเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องอีกที
ส่วนการเข้าลงทุนในโรงพยาบาลตรวจสุขภาพในจังหวัดอยุธยา ซึ่งบริษัทถือหุ้น 50% ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปมูลค่าการลงทุน แผนธุรกิจในอนาคตเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท รายได้หลักจากห้องพยาบาล และการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ สัดส่วนรายได้ 50:50
บริษัทลูก บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) หลังจากงบปี 2562 ออกมาประเมินว่าน่าจะมีผลกำไรสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการมา โดยในปี 2563 นี้ ตั้งเป้ากำไรเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากการขยายตัวของงานภาครัฐและการขยายมาตรฐานที่เราขออยู่อีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในปี 2563 จะมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 30% ในส่วนของภาครัฐมีการส่งงานมาให้เราตรวจต่อเนื่องและภาคเอกชนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีพันธมิตรระดับโลกเข้ามาเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ซึ่งมองเห็นการขยายตัวในไทยและกลุ่ม CLMV ในอนาคต หากมีการตกลงข้อเสนอกันได้ จะเป็นผลดีทำให้ AMARC เติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยได้วางเป้าหมายจะเป็น “Excellence Lab” ระดับประเทศและเอเชียในอนาคต สำหรับแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนเดิมที่วางไว้ ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า