มิติหุ้น – บลจ.กรุงศรี วางกลยุทธ์ปั้น AUM ปีนี้ขยับ 13% ยืนระดับ 5.25 แสนล้านบาท มองบวกตลาดหุ้นไทยยังไปต่อ แม้ระยะสั้นยังมีความผันผวน ตีกรอบดัชนีปีนี้ 1,732-1,900 จุด ชี้เป้ากลุ่มท่องเที่ยว-ค้าปลีก-สินเชื่อรายย่อยที่เป็นนอนแบงก์ ยังน่าลงทุน พร้อมแนะทางจัดพอร์ความเสี่ยงปานกลาง หลังปีก่อนสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 16.59%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า น.ส.ศิริพรสินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี หรือ KSAM เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายในปี 2561 จะมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ระดับ 525,767 ล้านบาท หรือเติบโต 13% จากสิ้นปี 2560 ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ การรักษาคุณภาพการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ การผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มกรุงศรีและ MUFG เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า มุ่งเป็นผู้นำด้านส่วนแบ่งการตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น และการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุน
ขยับขึ้นเบอร์5ของอุตสาหกรรม
โดยในปีนี้จะเดินหน้าพัฒนากองทุนใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง นโยบายการลงทุนจะมีทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงกองทุน LTF-RMF ส่วนกองทุนหุ้นไทยนั้นยังต้องดูความเหมาะสม เพราะปัจจุบันนับว่า KSAM มีกองทุนหุ้นไทยที่มีนโยบายการลงทุนครอบคลุมในทุกกลุ่ม
ส่วนในปี 2560 ที่ผ่านมานั้น บริษัทมีการเติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดย AUM มีมูลค่าประมาณ 474,000 ล้านบาท เติบโตถึง 31.22% เมื่อเทียบกับปี 2559 ในขณะที่อุตสาหกรรมเติบโตเพียง 9.22% ส่งผลให้บลจ.กรุงศรี ก้าวขึ้นมาเป็น บลจ.ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรม และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมถึง 3 เท่าตัว โดยเฉพาะกองทุนส่วนบุคคลที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 101% ในส่วนของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีการอัตราการเติบโต 22.18% และ 33.23 % ตามลำดับ” (ข้อมูล : บลจ. กรุงศรี 29 ธ.ค. 60)
มองบวกหุ้นไทยระยะกลาง-ยาว
ด้านนางสุภาพร ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารทุนในระยะกลางถึงยาว จากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ยังเป็นที่น่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆในภูมิภาค
โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน KSAM ยังให้น้ำหนักไปที่กลุ่มท่องเที่ยว ที่เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา กลุ่มค้าปลีก ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำในปีก่อน รวมถึงกลุ่มสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นนอนแบงก์ ซึ่งถือว่ามีการขยายตัวที่ค่อนข้างโดดเด่น อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความผันผวนระหว่างทาง ผู้ลงทุนควรมีการกระจายการลงทุนไปในตลาดต่างประเทศร่วมด้วย
ตีกรอบดัชนี-ชี้ทางจัดพอร์ตลงทุน
สำหรับในปีนี้ KSAM ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ 1,732 – 1,900 จุด ด้วยระดับ PER ที่ 15.50 และ 17 เท่าตามลำดับ โดย EPS ปี 61 ประเมินที่ระดับ 111.76 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี แนะนำพอร์ตการลงทุน ที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง ให้ลงทุนในหุ้นราว 65% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ดี เน้นลงหุ้นที่เป็นหุ้นเติบโต โดยลงในหุ้นไทย 33% หุ้นต่างประเทศในตลาดพัฒนาแล้ว 22% และหุ้นต่างประเทศตลาดเกิดใหม่ 10%
ในส่วนของตราสารหนี้แนะนำให้ลงทุน 35% โดยเน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี เนื่องจากได้รับดอกเบี้ยสูงกว่า ในขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ยังดี เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโต โดยให้ลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ 20% และตราสารหนี้ต่างประเทศ 15% ทั้งนี้ในปี 2560 ที่ผ่านมา บลจ.กรุงศรี ได้แนะนำพอร์ตการลงทุนความเสี่ยงระดับปานกลาง สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยราว 16.59%
รายงาน : พรเพ็ญ เวชกามา
เรียบเรียง : อโณทัย ชุมไชยโย