กองทรัสต์ BOFFICE เปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่ม ขึ้น XB 5 มี.ค.นี้ เคาะอัตราส่วนใช้สิทธิ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.4349 หน่วยทรัสต์ใหม่

161

มิติหุ้น – กองทรัสต์ BOFFICE พร้อมเปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 224,110,000 หน่วย ในวันที่ 17-20 มีนาคมนี้ เพื่อเพิ่มทุนครั้งที่ 1 และเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการ ‘ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูสศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บนทำเลศักยภาพ เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XB ในวันที่ 5 มีนาคมนี้ เพื่อกำหนดรายชื่อประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม พร้อมกำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.4349 หน่วยทรัสต์ใหม่ คาดนักลงทุนให้การตอบรับดี

นายอรรถกร เนตร์เนรมิตรดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภิรัช รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ภิรัชออฟฟิศ’ หรือ Bhiraj Office REIT (BOFFICE) พร้อมเพิ่มทุนครั้งที่ 1 และเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาวโครงการภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ซึ่งประกอบด้วย พื้นที่สำนักงานและพื้นที่ร้านค้าให้เช่า พื้นที่ใช้สอยส่วนสำนักงาน พื้นที่จอดรถและพื้นที่สนับสนุนส่วนสำนักงาน พื้นที่สิทธิการเช่า รวมประมาณ 70,741 ตารางเมตร โดยเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 32,072 ตารางเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปีนับจากวันที่จดทะเบียนสิทธิการเช่าของกองทรัสต์ พร้อมทำสัญญาแต่งตั้งและว่าจ้าง บริษัท ภิรัชแมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ จากปัจจุบันที่มีทรัพย์สินที่เข้าลงทุนครั้งแรกคือโครงการภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นโครงการ Mixed-use Commercial Complex ในบริเวณเดียวกับศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ พื้นที่รวมประมาณ 94,853 ตารางเมตร โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 มีสิทธิการเช่าคงเหลือประมาณ 25 ปี

โครงการภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 นับเป็นอาคารสำนักงานเกรด A แห่งแรกในโซนสุขุมวิท-บางนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Mixed-use ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (โครงการ BITEC Mixed-use Complex) ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์การประชุมและอาคารสำนักงานเกรด A พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องประชุมสัมมนาและจัดกิจกรรมกับลูกค้า ศูนย์อาหาร ฯลฯ โดยอยู่ติดถนนสุขุมวิทใกล้แยกบางนา ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนและเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้า BTS บางนา ซึ่งในอนาคตจะมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่เพิ่มเติม จึงเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญที่เปรียบเสมือนประตูสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการผลิตในย่านสมุทรปราการ บางนา-ตราด บางปู และบางปะกง ส่งผลให้โครงการภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เช่า โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 มีอัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 97.5% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด และอัตราค่าเช่า (ทำสัญญาในปี 2562) ตารางเมตรละ 630-825 บาทต่อเดือน

นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก BOFFICE ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) และร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมสําหรับการเพิ่มทุนครั้งที่1 ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ล่าสุดได้รับการอนุมัติให้เสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมและแบบ Filing มีผลใช้บังคับแล้ว โดยจะออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 224,110,000 หน่วย และการกู้ยืมเงินระยะยาวจากสถาบันการเงินไม่เกิน 700 ล้านบาท เพื่อลงทุนในสิทธิการเช่าพื้นที่ระยะยาวบางส่วนของโครงการภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยมีมูลค่าที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินไม่เกิน 3,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ BOFFICE เป็นกองทรัสต์ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอทุกไตรมาส นับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม 2561 และภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 กองทรัสต์ฯ ได้ประมาณการอัตราจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ตามงบกำไรขาดทุนตามสถานการณ์สมมติและประมาณการปันส่วนแบ่งกำไรสำหรับงวด 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563 ภายหลังการเพิ่มทุนในครั้งนี้ สอบทานโดยผู้ตรวจสอบบัญชี อยู่ที่ 0.770 บาทต่อหน่วย

คุณวราลักษณ์ พฤฒิวรมงคล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า กองทรัสต์ BOFFICE กำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 224,110,000 หน่วย ที่ราคา 14.1 – 15.0 บาทต่อหน่วย โดยจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ (Preferential Offering) โดยวันกำหนดรายชื่อประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม (Record Date) ในวันที่ 6 มีนาคม 2563 โดยนักลงทุนที่ต้องการได้รับสิทธิจองซื้อดังกล่าว จะต้องถือครองหน่วยทรัสต์ถึงสิ้นวันทำการที่ 4 มีนาคมนี้ ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XB ในวันที่ 5 มีนาคมนี้ และกำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.4349 หน่วยทรัสต์ใหม่ (กรณีมีเศษของหน่วยทรัสต์ให้ปัดเศษลงเป็นจำนวนเต็มหน่วย)

ทั้งนี้ คาดว่าการเสนอขายหน่วยทรัสต์ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อ ซึ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยสามารถใช้สิทธิได้ที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งจะเปิดจองซื้อในระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคม 2563 โดยสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร เกินกว่าสิทธิ หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรรก็ได้ และต้องชำระเงินค่าจองซื้อที่ราคา 15.0 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์เบื้องต้น และจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายต่อหน่วยภายในวันที่ 23 มีนาคมนี้ หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาจองซื้อ จะคืนเงินส่วนต่างราคาให้แก่ผู้จองซื้อทุกราย และในกรณีที่มีหน่วยทรัสต์เหลือจากการเสนอขายให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมจะเสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และ/หรือประชาชนทั่วไป (Public Offering) ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบัน บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ผู้มีอุปการคุณของกลุ่มภิรัชบุรี สามารถจองซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่