SCBAM พิชิต1.5ล้านล้าน ชูธงสอย5ดาวติดกองทุน

184

มิติหุ้น – บลจ.ไทยพาณิชย์ กางกลยุทธ์สร้างการเติบโต มุ่งพิชิต AUM ปีนี้ ยืนระดับ 1.5 ล้านล้านบาท เน้นพัฒนาความแข็งแกร่งรอบด้าน ชูธงล่าดาวติดอันดับกองทุนครบทุก Asset class ควบคู่พัฒนาดิจิตอล แพลตฟอร์ม รองรับอนาคต

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ในปี 2561 นี้ บริษัทวางเป้าหมายสร้างการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การลงทุน (AUM) จะขยายตัวขึ้นแตะระดับ 1.5 ล้านล้านบาท จากปี 2560 ที่มี AUM ณ วันที่ 29 ธ.ค. 2560 กว่า 1.37 ล้านล้านบาท เป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม

สำหรับการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทวางแผนการดำเนินงานที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในกองทุนประเภทกลุ่ม Income ที่สร้างรายได้ระหว่างทาง รวมถึงรูปแบบการลงทุนต่างประเทศที่ครบวงจร โดยจะเป็นการนำเสนอกองทุนหุ้นต่างประเทศที่บริหารจัดการแบบ Active อาทิ สหรัฐ ยุโรป อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกเสริมจากกองทุนปัจจุบันที่บริหารจัดการแบบ Passive

ล่าดาวติดกองทุนทุกประเภท

ในขณะเดียวกัน บริษัทจะเน้นหนักในการรักษาระดับผลตอบแทนจากการลงทุนให้อยู่ในระดับที่ดี และจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามีกองทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น และเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morning Star หลายกองทุน ยกตัวอย่างเช่น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล (SCBDV) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ (SCBSE) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นเกาหลี (SCBKEQTG) เป็นต้น

“ในปีนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ จะมุ่งพัฒนาผลตอบแทนจากการลงทุนในแต่ละกองทุนให้ดียิ่งขึ้น สำหรับกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับจาก Morning Star นั้น ในกองทุนไหนที่ยังไม่ได้ระดับ 5 ดาว เราจะไปให้ถึง หรือกองทุนใดก็ตามที่ได้รับการจัดอันดับ 3 ดาว จะต้องขยับขึ้นเป็น 4 ดาว เป้าหมายสำคัญในปีนี้ คือ บลจ.ไทยพาณิชย์ จะมีกองทุนติดอันดับ 5 ดาวให้มากที่สุด และต้องครอบคลุมในทุกประเภทของสินทรัพย์ด้วย เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า” นายสมิทธ์กล่าว

เร่งพัฒนา Digital Platform

นายสมิทธ์ กล่าวอีกว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย และต้องเป็นสินค้าที่สามารถแข่งขันกับตลาดได้ในทุก Asset class หรือทุกประเภทสินทรัพย์ลงทุน เพื่อรองรับอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในด้านช่องทางการขายที่นับวันสาขาของธนาคารจะเริ่มลดลง การนำเอาผลิตภัณฑ์กองทุนไปวางขายในหลายๆ ธนาคารที่นอกจากธนาคารไทยพาณิชย์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับด้านบริการ โดยปีนี้จะเร่งการพัฒนา Digital Platform และเทคโนโลยีรองรับการทำธุรกรรมในยุคดิจิทัล เพื่อตอบสนองนักลงทุนที่นิยมใช้เทคโนโลยีในการรับข้อมูลข่าวสารและการทำธุรกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มุ่งไปสู่การที่จะเป็นกลุ่มสถาบันการเงิน ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลเป็นหลัก อาทิ มีการให้ข้อมูลข่าวสารผ่าน Social Media Platform ทั้ง SCBAM Website, Investment Guru ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

วางแพลตฟอร์มจับไฮเน็ตเวิร์ค

อีกทั้งจะมีการให้เปิดบัญชีซื้อขายกองทุนครั้งแรกด้วย SCB EASY Application (online account) และการให้บริการ Investment Advisory ผ่านมือถือ รวมทั้งการให้บริการ SCB Connect (Chatbot) และการเปิดตัว SCBAM Line@ เพื่อเป็นช่องทางรับข้อมูลข่าวสารการลงทุน สภาวะตลาด ข้อมูลกองทุน และการจัดสรรสัดส่วนการลงทุน รวมถึงสาระการลงทุนที่น่าสนใจและน่าติดตาม ซึ่งจะทำให้เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องง่ายเข้าถึงผู้ลงทุนได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ลงทุนยุคดิจิทัล ตลอดจนการปรับปรุงระบบสนับสนุนการลงทุนต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและมีความทันสมัยมากขึ้น

พร้อมกันนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังจะพัฒนาไพรเวทฟันด์ แพลตฟอร์ม เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นไฮเน็ตเวิร์ค ที่ต้องการไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศด้วย ซึ่งแพลตฟอร์มนั้นจะทำให้การลงทุนเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการที่ลูกค้าจะเข้าไปลงทุนโดยการผ่านธนาคารต่างประเทศเอง

ชูนวัตกรรมสอดรับอนาคต   

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ หรือ การลงทุนแบบ Thematic Investment ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนทั่วไป คือ จะวิเคราะห์แนวโน้มที่เกิดขึ้นในอนาคต เช่น Theme การลงทุนจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรโลก (Global Demographics) ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในอีก 50 ปี ข้างหน้า

อันจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภค สินค้าอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรมการแพทย์มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต Theme การลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ (Robotics) ที่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ นำมาใช้ทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และ Theme การลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือการเติบโตของการใช้งานเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในวิถีการใช้ชีวิตของคน