มิติหุ้น-จากผลการประชุม OPEC และNon OPEC ที่น่าผิดหวังเมื่อปลายสัปดาห์มี 2 ประเด็นสำคัญที่เป็นแรงกดดันราคาน้ำมันดิบโลกปรับฐานลงแรงหลุด 40 เหรียญฯ หรือลดลงรวมกันเฉลี่ยราว 30%จากสัปดาห์ก่อนหน้า หลักๆคือ รัสเซียปฎิเสธข้อเสนอการตัดลดการผลิตน้ำมันดิบ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซาอุดิอาระเบียออกมาประกาศ คือ 1.) คว่ำข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต และประกาศจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบให้เกินจากปัจจุบัน 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน 2.) ประกาศปรับลดราคา OSP Premium น้ำมันดิบทุกประเภทของประเทศซาอุฯ
ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้เปิดดิ่ง 92 จุด หุ้น PTT PTTEP ดิ่งแรงเกือบฟลอร์ ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัสระบุว่า คาดทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกจะผันผวนในทิศทางขาลง ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563 ของฝ่ายวิจัยที่กําหนดไว้ที่ 65 เหรียญฯ/บาร์เรล เนื่องจากค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบ YTD อยู่เพียง 58.04 เหรียญฯต่อบาร์เรล
กลุ่มพลังงาน ฝ่ายวิจัยได้ทำศึกษา Sensitivity Analysis หากราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่าสมมติฐานทุกๆ 5 เหรียญ จะกระทบต่อ Fair value ของ PTTEP (FV@B170) ปรับตัวลดลงจากปัจจุบันราว 10-14 บาท/หุ้น ขณะที่ PTT (FV@B56) กระทบราว 2-3 บาท/หุ้น ระยะสั้นแนะนำชะลอการลงทุน
ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่น แม้ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในทิศทางขาลง ถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ แต่เชื่อว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มปรับลดลงตาม ทำให้คาดการณค่าการกลั่นยังอยุ่ในกรอบแคบๆ โดยรวมคาดธุรกิจโรงกลั่นมีโอกาสจะบันทึกขาดทุน Stock น้ำมันสุงขึ้นอย่างมีนัยยะมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี คาดต้นทุน Freeze Stock จะปรับลงตามราคาน้ำมัน แต่เชื่อว่าราคาผลิตภัณฑ์ขั้นปลายมีโอกาสปรับลงตาม ทำให้ Spread ปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ASPS แนะนำยืนยันลงทุนน้อยกว่าตลาดทั้ง โรงกลั่น และกลุ่มปิโตรเคมีเหมือนเดิม
นอกจากนี้ด้านบล.กสิกรปรับประมาณ กำไรต่อหุ้น บจ.ปี 63 (EPS) เหลือ 85 บ./หุ้น พร้อมมองดัชนีปี 63 ใหม่เหลือ 1,220 จุด
www.mitihoon.com