หุ้นไทยร่วงต่อเนื่อง กูรูแนะรับความเสี่ยงได้ต้องทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี รับอานิสงส์ราคาน้ำมันถูก

94

ผู้สื่้อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจัยกดดันที่ครอบงำตลาดต่อเนื่องยังคงเป็นการแพร่ระบาดของโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19 ที่มียอดตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงต่อเนื่องโดยเฉพาะโซนยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ในไทยที่ยังน่าจับตาของการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่ปัจจัยอื่นที่อาจจะเข้ามากดดันตลาดเพิ่มเติม คือ การดิ่งหนักของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จากการที่ภาคการผลิตลดอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมัน การปิดประเทศเนื่องจากโรคระบาด และสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียกับรัสเซีย กระทบกับหุ้นกลุ่มพลังงานของไทยที่เป็น Sector ใหญ่ของดัชนี SETI

โดยโกลด์แมน แซค คาดในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ราคาน้ำมันดิบอาจต่ำกว่า 20 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ล่าสุดทางอิรักเรียกร้องให้สมาชิกกลุ่ม OPEC และพันธมิตร ประชุมด่วนเพื่อพยุงราคาน้ำมัน ไม่ให้ต่ำไปกว่านี้ ทางฝ่ายคาดดัชนี SETI เช้านี้ผันผวนในกรอบระหว่าง 1,000-1,080 จุด

กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำควรถือเงินสด ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง อาจทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของ COVID-19, อัตราดอกเบี้ยนโยบายขาลง และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันถูก หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สำหรับหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง แนะนำ SAWAD, MTC, AP หุ้นรับประโยชน์จากเกณฑ์ใหม่ SSF แนะนำ AOT, CPALL, ADVANC, PTT, KBANK ส่วนหุ้นรับประโยชน์จาก COVID-19 แนะนำ CPALL, MAKRO,STA, ADVANC, BAM

ด้าน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่าจากความกังวลโรคระบาด Covid-19 ที่ ยังยืดเยื้อในประเทศและยังไม่มีการบริหารจัดการที่ดีพอที่จะทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีโดยเร็ว ซึ่งหากสถานการณ์ยังคลุมเครือแบบนี้ ตลาดหุ้นก็จะยังอยู่ภายใต้แรงกดดันอยู่ โดยมองจุดเปลี่ยนของตลาด (trigger) อยู่ที่ 1.ค้นพบยารักษาโรค และ 2) รัฐบาลประกาศปิดประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดปรับลดลงแรงอีกนิดหน่อย แต่นักลงทุนจะมีความมั่นใจว่าสถานการณ์จะควบคุมได้แน่ๆ ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องเตรียมตัวเข้าช้อนหุ้นที่ปรับลดลงแรง และมีปัจจัยพื้นฐานมารองรับในวันที่ trigger ดังกล่าวเกิดขึ้น

โดยฝ่ายวิจัยได้เลือกหุ้นพื้นฐานดีใน SET100 ที่ราคาลดลงมากกว่า 40% นับจากต้นปีมาให้นักลงทุนเลือกทยอยสะสม ประกอบไปด้วย MINT ราคาลดลง -51.2%, SCB -49%, DTAC -47.1%, KKP -45.7%, WHA -43.7%, TCAP -42.8%, GPSC -42.3%, KBANK -42.1%, PTT -41.9%, BEM -41.4%, BBL -41.4%, AP -40.4% และ CENTEL -40.4%

www.mitihoon.com