ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI โดยนายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/63 บริษัทวางเป้าหมายยอดขาย(Presale) รวมแตะระดับ 8,500 ล้านบาท โดยบริษัทจะรุกตลาดแนวราบซึ่งคาดว่าจะมียอดขายในไตรมาสนี้ประมาณ 4,500 ล้านบาท หรือประมาณ 53% ของยอดขายรวมทั้งหมด
ทั้งนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบัน อาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบางโครงการบ้าง แต่สำหรับแสนสิริยังมียอดขายและยอดเยี่ยมชมโครงการต่อเนื่อง รวมทั้งทำการขายได้ดี เห็นได้จากยอดขายที่เกินเป้าหมายในช่วงไตรมาสแรก ที่ทำได้ 11,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นยอดขายจากกลุ่มโครงการแนวราบกว่า 4,800 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าในไตรมาส 2 จะมีการตอบรับดีเช่นกัน ด้วยคุณภาพสินค้า ทำเล และโปรโมชั่นที่พัฒนามาจาก insights ของลูกค้า
โดยโครงการบ้านเดี่ยวที่ตอบรับดีมานต์ความต้องการในทำเลนี้ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ “เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2” มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท โครงการได้รับการตอบรับที่ดีจนส่งผลให้ปิดการขายโครงการในเฟสแรก มูลค่า 570 ล้านบาท และเปิดการขายในเฟสที่ 2 ต่อเนื่อง, โครงการ เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท ,โครงการ บุราสิริ วัชรพล มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลวัชรพล และโครงการ บุราสิริ ปัญญาอินทรา มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลย่านปัญญาอินทรา ซึ่งจากการตอบรับที่ดีจึงส่งผลให้มียอดขายโครงการนี้ไปแล้วถึง 70%
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 49,500 แบ่งเป็น แนวราบ 7,900 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 41,600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 17,900 ล้านบาท สำหรับสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขาย(Stock) ปัจจุบันมีประมาณ 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีนี้ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่รวม 18 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่า 6,600 ล้านบาท , ทาวน์โฮมและโครงการ Mix Project มูลค่า 6,600 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 8,800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังเป็นผู้นำตลาดแนวราบใน 3 ปี โดยเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย
โดยตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์ (Mass Market) จะพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ สิริ เพลส อณาสิริ และ สราญสิริ เจาะกลุ่มเรียล ดีมานต์ และคนที่อยากมีบ้านหลังแรก รวมถึงบริษัทยังรักษาความเป็นผู้นำในแบรนด์ระดับบน เช่น บุราสิริ และ เศรษฐสิริ เพื่อรับกลุ่ม New Demand จากกลุ่มลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการที่ต้องการมีบ้านใหม่เพื่อแยกครอบครัว หรือต้องการบ้านที่มีพื้นที่กว้างขี้น ซึ่งเป็นผลจากไลฟ์สไตล์ในรูปแบบ Social Distancing ซึ่งบริษัทยังมีแผนเปิดตัวบ้านรูปแบบใหม่ รวมทั้งโครงการในแนวคิดใหม่ในปีนี้ เพื่อรองรับดีมานด์และความต้องการที่ตอบโจทย์ insights ของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
www.mitihoon.com