ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF โดย “บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุน GULF เนื่องจากมีโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและลงนาม ซึ่งหากเจรจาสำเร็จจะเข้ามาสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตมากขึ้นในอนาคต
อาทิ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญา “โครงการแหลมฉบังเฟสที่ 3” ซึ่งคาดว่าจะจบดีลได้ภายใน 1-2 เดือน โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทจะสามารถเซ็นสัญญางาน O&M โครงการมอเตอร์เวย์ได้ภายในเดือนมิ.ย.63 ทั้งนี้ GULF สนใจโครงการโครงสร้างพื้นฐาน (PPP) อย่างเช่นโครงการ MRT สายสีส้มตะวันตก (PPP) ซึ่งคาดว่าจะออก TOR ในเดือนมิ.ย.63
พร้อมกันนี้ยังมีโครงการในต่างประเทศจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวด้วย โดยผู้บริหาร GULF บอกว่าบริษัทมีโอกาสจะขยายกิจการใน “โอมาน” จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Duqm จาก 45% เป็น 49% ซึ่งทำให้บริษัทมีโอกาสพัฒนาและดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าใน Duqm SEZ ในอนาคต ในขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยคาดว่าโครงการ LNG ในเวียดนาม (6,000MW) ซึ่งมีกำลังการผลิตเฟสแรก (1,500MW) ก็จะเพิ่มเข้ามาใน PDP7 ในไตรมาส 2/63 ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวก็กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาค่าไฟฟ้ากับ MRC ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษา
ทั้งนี้การผลิตไฟฟ้าของ GULF ส่วนใหญ่มีสัญญาขายให้กับกฟผ. (87% ของยอดขายไฟฟ้า) และที่เหลือ 13% ขายให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม (IU) ซึ่งเกือบครึ่งของ IUs อยู่ในกลุ่มยานยนต์ โดยคาดว่า GULF จะได้รับผลกระทบในระยะสั้น จาก 1. ผู้ผลิตในภาคยายนต์ปิดโรงงานในไตรมาส 2/63 และ 2. มีการลดค่าไฟฟ้าลง 3% ในปี 2563 (กระทบกับ IU) ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าผู้ผลิตในภาคยานยนต์อย่างเช่น Toyota และ Isuzu จะกลับมาผลิตอีกครั้งในเดือน พ .ค.63
ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 41.00 บาท ถึงแม้ว่าราคหุ้นจะเหลือ upsideอีกไม่มาก แต่เชื่อว่าราคาหุ้นยังมี upside อีกจากโครงการในโอมาน (Duqm SEZ และโครงการพลังงานหมุนเวียนทดแทน) แลโครงการแหลมฉบังเฟสที่ 3 (1 บาท/หุ้น) ซึ่งจะช่วยให้กำไรมีแนวโน้มชัดเจนขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้คาดว่า GULF จะจับมือกับ BTS consortium เพื่อเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตกRisks
www.mitihoon.com