LH-AP เด่นสุดกลุ่มอสังหา ลุ้นผ่อนคลายเกณฑ์ LTV

746

มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า จากวานนี้หุ้นในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย (SETPROP) ปรับตัวขึ้น 5.2% (เทียบกับ SET Index เพิ่มขึ้น 1.3%) นำโดย LPN 14.8%, ORI 14%, SIRI 9.7%, PSH 7.4%, QH 6.7%, SPALI 6.4%, AP 5.6% และ LH 4.4% เป็นต้น เกิดจากแรงเก็งกำไร ภายใต้ความคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการ อาทิเช่น  LTV รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ เพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็น บ้านดีมีดาวน์, การลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองสำหรับบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมถึงการผ่อนปรน LTV สำหรับบ้านหลังแรก และบางส่วนสำหรับบ้านหลังที่ 2

แต่อย่างไรก็ดีมาตรการดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลบวกต่อการสร้างยอด Presale และยอดโอนฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัญหาสำคัญเกิดจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด ประกอบกับการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของแบงค์ ยิ่งทำให้การเข้าถึงที่อยู่อาศัยมีความยากขึ้น สะท้อนจากผลประกอบการกลุ่มฯในช่วงไตรมาส1/63 ของผู้ประกอบการ 12 รายใหญ่ มีกำไรปกติ 5.35 พันล้านบาท (-43%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 52% จากไตรมาสก่อน) ขณะที่แนวโน้ม ไตรมาส2/63 คาดยังไม่ดีขึ้น จากผลกระทบของโควิด-19 ที่มีผลต่อธุรกรรมการขายและโอนฯ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเน้นใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อระบายสต๊อก ซึ่งย่อมกดดันต่อมาร์จิ้น

ครึ่งหลังฟื้น ปี63

แม้คาดหวังภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ  ครึ่งหลังปี 63 จะฟื้นตัวขึ้น ตามสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับรอบธุรกิจอสังหาฯ ที่โดยปกติช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก สืบเนื่องจากการมีหลายโครงการคอนโดฯ ใหม่มีกำหนดสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ ในช่วงครึ่งหลังโดยเฉพาะไตรมาส 4 แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่ยังอ่อนตัว และปัญหาเรื่องคุณภาพของ Backlog ว่าการโอนฯ ของลูกค้ามีประสิทธิภาพเพียงใด ซึ่งย่อมมีผลต่อการรับรู้รายได้และกระแสเงินสดของผู้ประกอบการตามมา

จากการที่ราคาหุ้นหลายตัวปรับลงมาแรงในช่วงที่ผ่านมา จนมี  Valuation น่าสนใจ และอัตราเงินปันผลอยู่ในระดับสูงเฉลี่ย 5-8% เป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในหุ้นอสังหาฯ ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง โดยตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ LH (FV@B8.00) ปันผลเฉลี่ย 6% และ AP (FV@B6.30) มี PER ซื้อขายต่ำกว่า 6 เท่า

นอกจากนี้การมี Backlog ระดับสูง หนุนให้ผลประกอบการไตรมาส 2/63 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตจากไตรมาสก่อน และต่อเนื่องไตรมาส 3/63 สวนทางกับภาพรวมกลุ่มฯ ขณะที่ LPN (FV@B3.40) แนะนำขาย หลังราคาหุ้นดีดตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. มากถึง 60% โดยปราศจากปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน เนื่องจากภาพธุรกิจอสังหาฯ ยังเผชิญกับการทรุดตัว สะท้อนจากลดลงของระดับ Backlog มาอย่างต่อเนื่อง

www.mitihoon.com