ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมา Sideway ไร้ทิศทางตามคาด โดยดีดตัวขึ้นต้นสัปดาห์ทดสอบแนวต้านที่ประเมิน 1,380 – 1,400 จุด และย่อตัวท้ายสัปดาห์ แม้สภาพคล่องยังล้นตลาดหุ้นเนื่องจากมาตรการการเงินการคลังทั่วโลก แต่ไม่มีประเด็นข่าวบวกเข้ามาเพิ่มเติมในตลาดฯ ขณะเดียวกันประเด็นเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สหรัฐฯยังเร่งตัวขึ้น แม้ว่าทางการสหรัฐฯจะยืนยันไม่มีล็อคดาวน์รอบสอง แต่ตลาดทุนยังกังวลถ้าสถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ อาจจำเป็นต้องล็อคดาวน์รอบสอง ซึ่งเราประเมินว่าจะกระทบต่อตลาดหุ้น นอกจากนี้ สำหรับประเทศไทยเอง ประเด็นข่าวลบที่เข้ามาระหว่างสัปดาห์คือ ต้องเลื่อน Travel bubble ออกไป เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศยังไม่ดีขึ้น (เป็นลบต่อ Sentiment กลุ่มท่องเที่ยว)
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ เราประเมินสถานการณ์การลงทุนจะยังใกล้เคียงเดิม คือมีโอกาสที่นักลงทุนจะทำการหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการรายงานผลการดำเนินงาน 2Q63 ของกลุ่มสถาบันการเงิน และการรายงานผล Stress test ในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ แต่จะมีการหมุนกลุ่มเล่นไปยังหุ้นขนาดกลาง – เล็กที่แนวโน้มผลการดำเนินงานโดดเด่นหรือมีสตอรี่รออยู่ใน 2H63 แทน ทำให้ดัชนี SET index มีแนวโน้มที่จะ Sideway (down) ในกรอบแนวรับ 1,335 จุด และ 1,300 จุด / แนวต้าน 1,380 จุด
ธีมการลงทุนที่น่าสนใจ i) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BCPG): คาดพลิกกลับมาบันทึกกำไรจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าใน 2Q63 ii) กลุ่มที่ผลการดำเนินงาน Turnaround หรือ โตเด่น เช่น โรงกลั่น (SPRC, TOP), iii) สำหรับหุ้นขนาดกลาง – เล็กที่น่าสนใจ และอาจพิจารณาเก็งกำไรเป็นกลุ่มคู่แม่-ลูก อาทิ EA-NEX, JMART-JMT-SINGER, STA-STGTเป็นต้น
โดย สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
www.mitihoon.com
