กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี หรือ KBSPIF ระดมทุนวงเงินไม่เกิน 2,800 ล้านบาท เข้าลงทุนในสิทธิในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด ในอัตราร้อยละ 62 ของรายได้ตามสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าแก่ กฟผ. จำนวนไม่เกิน 22 เมกะวัตต์ (MW) และสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่น้ำตาลครบุรี อีก 3.5 เมกะวัตต์ ตลอดอายุสัญญาประมาณ 20 ปี ตอกย้ำจุดเด่นศักยภาพการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง สร้างความมั่นคงด้านกระแสเงินสดหนุนผลตอบแทนโดดเด่น พร้อมกำหนดจองซื้อหน่วยลงทุนวันที่ 4-7 ส.ค. 2563 นี้ ในราคาหน่วยละ 10 บาท ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (KPP) ซึ่งกลุ่มน้ำตาลครบุรี ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ได้จัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี หรือ กองทุน KBSPIF เพื่อลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภทโรงไฟฟ้า ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ และให้โอกาสผลตอบแทนที่ดีแก่กองทุน KBSPIF โดย KPP จะนำเงินที่ได้ไปใช้เพื่อลงทุนขยายกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งใหม่ในอนาคต ก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาลเป็นประโยชน์สูงสุด และช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้แก่ประเทศ
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ใช้เชื้อเพลิงจากกากอ้อยของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด หรือ KPP เป็นโรงไฟฟ้าระบบผลิตพลังงานความร้อนและไฟฟ้าร่วมกัน (Cogeneration System) ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 73 เมกะวัตต์ โดยผลการดำเนินงานโรงไฟฟ้า KPP มีอัตราเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (2560-2562) โดยมีรายได้รวมจากการจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญาในปี 2560 รวมทั้งสิ้น 689.21 ล้านบาท เพิ่มเป็น 901.59 ล้านบาทในปี 2561 และในปี 2562 ที่ผ่านมา มีรายได้ 972.71 ล้านบาท