ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ผลิตไฟฟ้า หรือ EGCO โดยนายจักษ์กริช พิบูลย์โรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ากำไรปี 2561 เติบโต 6% เมื่อเทียบปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 11,818 ล้านบาท และมั่นใจรายได้รวมจะเติบโตดีกว่าปี 2560 ที่มีรายได้รวม 38,058 ล้านบาท
เนื่องจากจะรับรู้รายได้เต็มปีจำนวน 490 เมกะวัตต์ จากการขายไฟฟ้าโครงโรงไฟฟ้าSPP คลองหลวง และบ้านโป่งรวมกัน 360 เมกะวัตต์ รวมถึงรับรู้เต็มปีจากโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซาลัก และดาราจัท ในประเทศอินโดนีเซีย ตามสัดส่วนการถือหุ้น 20.07% หรือ 130 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังเตรียมบุ๊กรายได้จากการขายทรัพย์สิน 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้ามาซินลอค ฟิลิปปินส์ รับรู้รายได้ 27,660 ล้านบาท และขายหุ้นทั้งหมด 18.72% ในบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW
พร้อมกันนี้ในปี 2561 EGCO เตรียมงบลงทุนราว 12,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนต่อเนื่องใน 3 โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี โรงไฟฟ้าน้ำเทิน1 ที่สปป.ลาว และโรงไฟฟ้า ซานบัวนาเวนทูรา ที่ฟิลิปปินส์ โดยจะทยอย COD ปี2562-2565 รวมกันราว 544 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเสริมกำลังการผลิตในปีนี้ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 4,260 เมกะวัตต์
สำหรับศักยภาพการลงทุนนั้น ปัจจุบัน EGCO มีเงินสดในมือราว 1,700 ล้านบาท ไม่นับรวมรายได้จาการขายทรัพย์สินออกไป
ขณะเดียวกัน EGCO ยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการใหม่อีก 3 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าปากแบง สปป.ลาว 920 เมกะวัตต์ ซึ่งต้องความชัดเจนแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของไทย (PDP) ก่อนว่าจะรับซื้อไฟฟ้าเท่าไหร่, โรงไฟฟ้าสตาร์ ดินเนอร์ยี่ หน่วยที่3 ประเทศอินโดนีเซีย 60 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า กวางจิ ประเทศเวียดนาม 1,320 เมกะวัตต์ โดยทั้ง 3 โครงการใหม่คาดใช้เงินลงทุนราว 1,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน EGCO ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจผลิตไฟฟ้า เช่น นำเข้าก๊าซ LNG แบตเตอร์รี่กักเก็บพลังงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนใหม่ตามนโยบายบริษัทจะเน้นลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า10%
www.mitihoon.com
