มิติหุ้น – STGT โชว์ผลงานสุดฮอต ไตรมาส 2/63 ทำกำไรสุทธิ 1,056.8 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 487.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนภาพรวมครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิ 1,478.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 350.3% รับความต้องการใช้สินค้าพุ่งในยุค New Normal หลังเกิดโรคระบาด COVID-19 และราคาขายสินค้าเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้น มั่นใจแนวโน้มการดำเนินงานครึ่งปีหลังยังร้อนแรงต่อเนื่อง
นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2/2563 สามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา หลังจากการเร่งเดินเครื่องจักรผลิตถุงมือยางอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ถุงมือยางแก่ลูกค้าที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,885.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 2,876.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,056.8 ล้านบาท เติบโต 350.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 328.4 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีการเติบโตที่โดดเด่นในทิศทางเดียวกัน โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 8,664.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,881.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 1,478.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 350.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันที่ทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 328.4 ล้านบาท
ปัจจัยการเติบโตของผลการดำเนินงานมาจากการเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบ New Normal ที่ต้องรักษาความสะอาดและสุขอนามัยเพิ่มขึ้น ภายหลังเกิดโรคระบาด COVID-19 ทั่วโลก ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในหลายประเทศ
ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างแพร่หลายจากเดิมที่มีฐานลูกค้าหลักในกลุ่มการแพทย์และอุตสาหกรรมต่างๆ ขณะที่ราคาขายสินค้าเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นเป็น 29.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 13.8%
กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า (แบ็กล็อก) ส่งผลให้อัตราการเดินเครื่องจักรอยู่ในระดับที่ดีและมีต้นทุนการผลิตสินค้าต่อหน่วยลดลงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้บริษัทฯ ได้วางแผนขยายกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีในปี 2575 เพื่อรับโอกาสการเติบโต
“COVID-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติและกลายเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเรามีความพร้อมด้านกำลังการผลิตเพื่อส่งมอบถุงมือยางให้แก่ลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเรายึดถือการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Touch of Life’ เพราะทุกสัมผัสนั้นมีความหมายต่อชีวิต เพื่อผลิตและส่งมอบถุงมือยางที่ดีและมีคุณภาพเพื่อปกป้องการสัมผัสแก่ผู้ใช้งานทุกคน” นางจริญญา กล่าว
www.mitihoon.com