มิติหุ้น – GFPT ยังต้องลุ้นราคาไก่ฟื้นตัว โบรกฯจับตาแนวโน้มปีนี้ออกอาการแผ่ว ประเมินยอดขายโตแค่ 6% โดยธุรกิจไก่แปรรูปที่ส่งออกไปยุโรปและญี่ปุ่นเป็นตัวหลักที่ทำรายได้ ชี้ราคาหุ้นที่ปรัยบตัวลงถือว่าต่ำมาก ย้ำ downside จำกัด ให้ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 13.80 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ บมจ.จีเอฟพีที หรือ GFPT โดยระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิเคราะห์ คาดยอดขายในปีนี้ของ GFPT จะโตแค่ 6% ในขณะที่ GFPT คาดว่าบริษัทจะโตแค่ 5% นำโดยธุรกิจไก่แปรรูปโดยเฉพาะในส่วนที่ส่งออกไปยังตลาดยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเป็นธุรกิจหลักที่ทำรายได้ให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วน 48% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในระดับต่ำ ช่วง 14.3%-14.9% ในปี 2561-63 เนื่องจากราคาไก่่ในประเทศลดลง 25% จาก37.50 บาท/กก. ในเดือนพฤษภาคม 2560 เหลือแค่ 28.10 บาท/กก. ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จากภาวะอุปทานล้นตลาด GFPT มองว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นจากจำนวนลูกไก่ที่ลดลง (จาก 38 ล้านตัว/สัปดาห์ เหลือแค่ 33 ล้านตัว/สัปดาห์) ซึ่งราคาไก่น่าจะขยับเพิ่มขึ้นภายในสองเดือน เพื่อยืนยันว่า ภาวะอุปทานล้นตลาดกำลังคลี่คลาย และต้นทุนอาหารสัตว์ที่แพงขึ้น จากอุปทานที่ขาดแคลนของข้าวโพดและกากถั่วเหลือง ที่เป็นปัจจัยฉุดให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง และราคาข้าวโพดได้พุ่งขึ้นมาถึง 21% จากปี 2560 (จาก 8 บาท/กก. เป็ น 9.75 บาท/กก.) และน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรในปี 2561 จะลดลง15% และราคาหุ้นที่ถูกลงจะช่วยจำกัด downside โดยราคาหุ้น GFPT ร่วงลงมาแรงถึง 40% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 (จาก 22.10 บาท เหลือ 12.50 บาท) ซึ่งถือว่าราคาได้ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว โดยราคาปิดล่าสุดคิดเป็น P/BV แค่1.3X (เท่ากับค่าเฉลี่ยสามปีย้อนหลัง -1.0 S.D.) จึงยังคงแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 13.80 บาท อิงจาก PER ที่ 11.6x (เท่ากับค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง) โดยการฟื้นตัวของราคาไก่ รวมถึงการลดลงของราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลืองยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ซึ่งจะเป็นสัญญาณว่ากำไรของ GFPT จะปรับตัวดีขึ้น
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เรียบเรียง : พรเพ็ญ เวชกามา
