ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
• Government of National Accord (GNA) รัฐบาลของลิเบียที่สหประชาชาติรับรองกับ Libya National Army (LNA) ทำข้อตกลงหยุดยิง และยกเลิกการปิดล้อมแหล่งผลิตและท่าส่งออกน้ำมันตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. 63 ทำให้ National Oil Corp. (NOC) บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ประมาณ 500,000 บาร์เรลต่อวัน ในปัจจุบัน และคาดการณ์ว่าจะกลับมาอยู่ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในเดือน พ.ย. 63 ขณะที่ท่าส่งออก Es Sider (ปริมาณสูบถ่าย 350,000 บาร์เรลต่อวัน) ซึ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ และท่า Ras Lanuf (ปริมาณสูบถ่าย 200,000 บาร์เรลต่อวัน) ทยอยกลับมาดำเนินการ อนึ่งลิเบียเป็นสมาชิก OPEC ที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเข้าร่วมมาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเนื่องจากเผชิญปัญหาสงครามกลางเมือง
• นักลงทุนกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันโลก หลังจากยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 วันที่ 25 ต.ค. 63 ในหลายประเทศที่สร้างสถิติยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยเฉพาะยุโรป อาทิ ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 52,010 ราย ทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 และยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในอิตาลีเพิ่มขึ้น 21,273 ราย ทำสถิติสูงสุดเช่นกัน ทำให้ต้องกลับมาใช้มาตรการ Lockdown ช่วง 26 ต.ค. – 24 พ.ย. 63 หลังจากยกเลิกในเดือน พ.ค. 63 ส่วนสเปนกลับมาประกาศภาวะฉุกเฉิน และเตรียมประกาศเคอร์ฟิวในช่วงเวลา 23.00 – 6.00 น.
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
• CFTC รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดนิวยอร์ก และตลาดลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ต.ค. 63 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับ Net Long Position เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 35,859 สัญญา มาอยู่ที่ 324,313 สัญญา
สัปดาห์นี้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 39 – 44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ให้จับตาการเจรจาระหว่างรัฐบาลพรรค รีพับลิกันและสภาผู้แทนพรรคเดโมแครตเรื่องการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบใหม่เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19 และติดตามการระบาดที่ยอดผู้ป่วยสะสมทะลุ 43 ล้านราย ทำให้หลายชาติต้องกลับมาใช้มาตรการ Lock Down ขณะที่ นาย Joe Biden ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศหากตนได้รับการเลือกตั้งจะจัดหาวัคซีนสำหรับชาวอเมริกันทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
www.mitihoon.com