YLG เปิดสถิติราคาทองช่วงเลือกตั้งสหรัฐย้อนหลัง4รอบมีทั้งขึ้นและลง พร้อมแนะจับตาตลาดคาดไบเดนชนะทองไปต่อ-ทรัมป์ชนะหุ้นบวก

76

มิติหุ้น-วายแอลจี เปิดสถิติราคาทองในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐ รอบย้อนหลัง พบราคาทองมีทั้งปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลง แต่ครั้งล่าสุดราคาทองแกว่งตัวในกรอบกว้าง พร้อมแนะจับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐหากทรัมป์ชนะมีผลทั้งในทางบวกและลบ แต่หากไบเดนชนะ เชื่อตลาดทองคำไปต่อได้ มองเทคนิคระยะยาวตลาดทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้น มองสัปดาห์นี้มีแนวรับที่  1,885-1,881 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แนวต้าน 1,934  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ล่าสุดเพิ่มสินค้าใหม่ Silver Online Futuers เพิ่มทางเลือกนักลงทุนกระจายความเสี่ยง

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่านัลงทุนเริ่มจับตาประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากที่มีข่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความพยายามแทรกแซงจากต่างชาติ ทั้ง จีน รัสเซีย และอิหร่าน ว่าประเทศเหล่านี้มีข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของสหรัฐ และเกิดการส่งอีเมลกดดันให้มีการเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำให้การเลือกตั้งมีความเสี่ยงและมีความผันผวนต่อทิศทางตลาดเงินและตลาดทุน นักลงทุนจึงจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่าฝ่ายใดชนะแต่ถ้ามีการเปิดเผยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกแทรกแซงจากต่างประเทศ ก็จำทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีข้อกังขาในเรื่องความโปร่งใส และส่งผลต่อการลงทุน เพราะหากเกิดความไม่โปร่งใสแล้วโดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้ง อาจจะไม่ยอมส่งมอบอำนาจให้โจ ไบเดนอย่างราบรื่น ส่งผลให้การเมืองสหรัฐมีความเสี่ยงมากขึ้น

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าหากผลการเลือกตั้งออกมาว่าโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากโจ ไบเดน มีนโยบายภาษีที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งหากหุ้นปรับตัวลงเงินลงทุนจะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ กลับกัน  หากหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะ  แม้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น และจะทำให้ราคาทองปรับลดลง อย่างไรก็ตาม นโยบายบางอย่างของนายทรัมป์อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำได้ เพราะช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีนโยบายสงครามการค้า ที่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันมาพักเงินในตลาดทองคำได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม  หากดูข้อมูลสถิติย้อนหลังราคาทองคำวันที่มีการเลือกตั้งสหรัฐ พบว่า พ.ย. 2559 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 1,281.28ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 1,275.26ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 6.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนครั้งก่อนหน้า พ.ย. 2555 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 1,684.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 1,715.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อ พ.ย. 2551 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 722.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 763.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 41.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อ พ.ย. 2547 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 425.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ปิดที่ 421.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ลดลง 4 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ทั้งนี้  จะเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและการเลือกตั้งสหรัฐไม่ชัดเจนนัก แต่ที่น่าสังเกต คือ การเลือกตั้งในปี 2559 ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะเหนือนางคลินตัน  ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนอย่างมากในระหว่างการซื้อขายของวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่มีการนับคะแนน โดยมีระดับราคาสูงสุดที่ 1,337.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีระดับต่ำสุดที่ 1,269.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ มีกรอบการแกว่งตัวถึง 68.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในวันเดียว  ขณะที่การเลือกตั้งในครั้งนี้มีแนวโน้มจะสร้างความผันผวนให้แก่ทองคำไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ดี  ก่อนหน้าการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.นี้  ราคาทองคำอาจแกว่งตัวในกรอบเพื่อรอความชัดเจนของการเลือกตั้ง  ระยะสั้น  มองว่าหากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,934  ดอลลาร์ต่อออนซ์ยังต้องระวังการอ่อนตัวลงของราคา ส่วนแนวรับแรกมองที่ 1,885-1,881 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หากยืนได้ยังมีโอกาสจะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน และหากราคาผ่านแนวต้าน  1,934  ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้  จะทำให้ภาพรวมมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม  ปัจจัยเรื่องการระบดของ COVID – 19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐยังคงถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด  ทั้งนี้ในส่วนของ YLG ได้เพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ลงทุนผ่านตลาด TFEX ด้วยการเพิ่มสินค้า Silver Online Futuers เพื่อเป็นช่องทางการกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ราคาทองคำอาจมีการผันผวน สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดได้ทาง  www.ylgfutures.co.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 026879999 

www.mitihoon.com