อันดับที่ 1 SMIT ตั้งเป้าปี61 รายได้โตกว่า 10% อัดงบลงทุนรวมราว 100 ลบ. ขยายเตาชุบเหล็กเพิ่ม-พัฒนาที่ดิน-ขยายโปรดักส์ใหม่
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สหมิตรเครื่องกล หรือ SMIT โดยนายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานกรรมการ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2561 ที่ 2,400 ล้านบาท จากปี 2560 มีรายได้รวม 2,182.04 ล้านบาท กำไรสุทธิ 242.45 ล้านบาท โดยวางงบลงทุนทั้งปีไว้ที่ 100 ล้านบาท สำหรับซื้อเตาชุบเหล็ก 3 เตา มูลค่ารวม 80 ล้านบาท และเงินส่วนที่เหลือใช้สำหรับถมที่ดินสร้างโรงงาน และสร้างคลังสินค้ารองรับสินค้าใหม่ๆ ขณะเดียวกัน บริษัทคาดแนวโน้มรายได้ใน 5 ปี (2565) มีรายได้แตะ 3,000 ล้านบาท หลังได้รับใบอนุญาต NADCAP เพื่อให้บริษัทสามารถชุบแข็งชิ้นส่วนเครื่องบินได้ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับใบรับรองภายในปี 2562 และธุรกิจนี้มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งจะผลักดันให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อันดับที่ 2 SAPPE ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 10-15% เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่-รุกตลาดตปท.ต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เซ้ปเป้ หรือ SAPPE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และเครื่องดื่มที่มุ่งเน้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ เปิดเผยว่า ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 10-15% ตามการเติบโตทั้ง 3 แบรนด์หลัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งในปีนี้บริษัทได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 SKU ขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 150 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดในต่างประเทศในปีนี้คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 15% นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่ทสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท ออลโคโค ที่บริษทได้เข้าร่วมทุนในปี 59 เป็น 51% จากเดิมที่ 40% ของทุนจดทะเบียน ในช่วงไตรมาส 4/61 โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายเติบโตราว 15% หรือ 400 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทมีแผนที่จะขยาย Allcoco cafe ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 5 สาขาในปีนี้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 15 สาขา
อันดับที่ 3 WICE ตั้งเป้ารายได้นิวไฮโต30% เร่งป้อนงานUWTขยายงานในฮ่องกง-จีน มูลค่า200ลบ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE โดยนายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโต 30% หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท จากปี 2560 มีรายได้ 1,402 ล้านบาท กำไรสุทธิ 89.70 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างสถิติเติบโตสูงสุดต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าใหม่จำนวน 2-3 ราย มีแนวโน้มปริมาณงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดแนวโน้มรายได้ไตรมาส 1/2561 เติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันภายหลังบริษัทเข้าซื้อกิจการ Universal World Transpotation Limited (UWT) ถือหุ้นในสัดส่วน 80% บริษัทอยู่ระหว่างส่งมอบงานต่อให้กับ UWT เพื่อดำเนินการขยายปริมาณงานในฮ่องกงและจีน โดยมีมูลค่างานจำนวน 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2561 นี้
อันดับที่ 4 SCC ราคาปิโตรเคมีพุ่ง ชี้ Q1/61 สดใส กูรูแนะซื้อสะสม เป้า 550 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 500 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาทหรือ 1.63% โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น SCC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการของ SCC ในช่วงไตรมาส 1/2561 คาดว่าจะเติบโตดี โดยประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ 15,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19% เทียบกับไตรมาสา4/2560 ที่มีกำไรสุทธิ 12,567 ล้านบาท เนื่องจากราคาปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ยังคงแนะนำ “ซื้อสะสม” ในระยะสั้นที่ราคาเป้าหมาย 550 บาทต่อหุ้น
อันดับที่ 5 BJC ตัวเด่นกลุ่มค้าปลีก กำไรแรงโบรกชี้เป้า 72 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC ว่า BJC วางแผนขยายสาขาในปีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Mini Big c ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มาก โดยตั้งเป้าปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 200 แห่ง จากปีก่อนที่เปิด 186 แห่ง ทำให้ในสิ้นปีนี้ BJC จะมีสาขาทั้งสิ้น 854 สาขา ขยับเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ครบ 1,500 สาขา ภายใน 3 ปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในอันดับ2 ของกลุ่ม พร้อมคงแผนขยายสาขาประเภทอื่นๆ อย่าง Hyper Market เปิดเพิ่มอีก 8 แห่ง ทั้งนี้ จึงได้เลือก BJC เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม จึงประเมินราคาเหมาะสมของ BJC ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดอิสระ (DCF) ณ สิ้นปี 2561 ที่ 72 บาท แนะนำ “ซื้อ”