CRC พลิกกลับอย่างรวดเร็ว ดันผลงานQ3 ฟื้นตัวแบบ V-shape ทำรายได้และกำไรสู่ระดับใกล้เคียงกับก่อนช่วงวิกฤตโควิด-19

511

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC เผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2563 พลิกฟื้นกลับมาแบบ V-shape สู่ระดับใกล้เคียงก่อนช่วงวิกฤตโควิด-19 (ไตรมาส 1/2563) จากปัจจัยหลัก 5 ประการ ได้แก่ 1.ความสามารถในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้และทำให้เกิดขึ้นได้จริง 2.ความเป็นผู้นำ (First Mover) ที่ผันตัวจากค้าปลีกออฟไลน์ (Offline Retailer) สู่การเป็นค้าปลีกออมนิแชแนล (Omnichannel Retailer) อย่างเต็มรูปแบบ

3.องค์กรและทีมงานที่มีความยืดหยุ่น และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว 4.ความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านบริการออมนิแชแนล และ 5. การดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งภายใต้ความไม่แน่นอน

ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ส่งผลให้รายได้รวมในไตรมาส 3/2563 แตะ 47,573 ล้านบาท เติบโต 15% จากไตรมาสที่แล้ว และคิดเป็น สัดส่วน 89% เทียบกับรายได้ในไตรมาส 3/2562 และพลิกกลับมาทำกำไร 869 ล้านบาท จากการขาดทุน 2,519 ล้านบาท ในไตรมาสที่แล้ว

โดยนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC กล่าวว่า “ถึงปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทาย แต่ CRC ก็ยังมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจโดยรวม พลิกจากขาดทุนจนกลับมามีรายได้และกำไรใกล้เคียงกับช่วงก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเราคงผ่านเหตุการณ์นี้มาไม่ได้หากปราศจากพนักงานทุกคนทั้งองค์กร ที่ร่วมแรงร่วมใจและทุ่มเททำงานกันอย่างหนัก ทำงานกันเป็นทีม เพื่อช่วยกันผลักดันให้เกิดความสำเร็จที่ดีที่สุด ต้องขอขอบคุณทุกคนเป็นอย่างมาก

พร้อมกันนั้นเรายังได้มีการทรานส์ฟอร์มห้างสรรพสินค้าในเฟสแรก ปรับโฉม (Rebranding) ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาเมกา บางนา ตามด้วยสาขาอุดรธานี รวมถึงเพิ่มการลงทุนและขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในทุกธุรกิจของ CRC อาทิ การเปิดไทวัสดุ สาขาอมตะนคร ในเดือนสิงหาคม, ศูนย์การค้า GO! บวนมาถ็วต ในเดือนกรกฎาคม และซูเปอร์มาร์เก็ต go! ตามเก่ย ในเดือนสิงหาคม ที่ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา CRC ยังได้รับอนุมัติให้เข้าซื้อกิจการบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL เพื่อเสริมแกร่งกลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์อีกด้วย

“แม้ยอดขายในไตรมาส 3 ของ CRC จะฟื้นตัวกลับมาแบบ V-shape อย่างเป็นที่น่าพอใจ แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัจจัยความไม่แน่นอนต่าง ๆ อาทิ การกลับมาแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม CRC จะยังคงพัฒนาองค์กรและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจในภาพรวมมีสภาพคล่องมากขึ้น ร่วมผลักดัน SMEs หลายแสนรายภายใต้แพลตฟอร์ม CRC ให้ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และสนับสนุนนโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยยังคงยึดมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้” นายญนน์ กล่าวปิดท้าย