ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR หุ้นน้องใหม่ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารฯแบบครบวงจร รวมถึงให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์และให้บริการบำรุงรักษาการขยายตัวของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและสื่อสารฯ บริษัทฯได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่่วไป (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท โดยจะเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 184 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 16 ล้านหุ้นมีรายงานวข่าวว่าเพียงวันเดียวก็หมด ยอดจองล้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “JR” เข้าเทรดในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
ด้านนายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือที่ลงนามสัญญาแล้ว (backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/63 อยู่ที่ประมาณ 6,169.53 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับในไตรมาส 4 ปีนี้อีก 322 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ปี 64-66 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู หนุนรายได้ของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
“การระดมทุนใน SET จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้เพิ่มศักยภาพในรับงานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสามารถก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมธุรกิจวิศวกรรมระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจร รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานอย่างมืออาชีพ สามารถเทียบฟอร์มได้กับบริษัทต่างประเทศ ตลอดจนสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระดับที่ดีได้ต่อเนื่อง” นายจรัญกล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองว่า JR เป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากกาลังการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นอ้างอิงจากแผน PDP2018 ทาให้คาดว่าจะเกิดการพัฒนาโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าเพื่อรองรับกาลังการผลิตใหม่ๆ ส่วนด้านอุตสาหกรรมสื่อสารฯคาดยังมีการทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งฝั่งภาครัฐและเอกชนรับกับนโยบาย Thailand 4.0 รวมถึงการระบาดของ COVID-19 ที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนและใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างรวดเร็ว ส่วนการเริ่มเปิดให้บริการ 5G ใน ไตรมาส 4/63 คาดเป็นอีกปัจจัยบวกระยะยาว ซึ่งทั้งหมดเป็นโอกาสสาหรับ JR ในการได้รับงานเพิ่มอย่างต่อเนื่องในอนาคต
Backlog ปัจจุบันสูงกว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีในอดีต 7 เท่าตัว
JR ได้รับงานโครงการใหญ่ต่อจากผู้รับเหมาหลัก 2 โครงการ คือ โครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง มูลค่าสัญญาสูงถึง 6,347 ลบ. โดยเริ่มมีการรับรู้รายได้ไปบ้างแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี 63 และรับรู้มากขึ้นในช่วง ครั่งหลัง ปี 63 -65 ซึ่งเมื่อรวมกับงานโครงการขนาดกลาง-เล็กอื่นๆทั้งระบบไฟฟ้าและสื่อสารฯที่มีอยู่ ทาให้ ณ สิ้นไตรมาส2/63 JR มี Backlog รอรับรู้รายได้สูงถึง 6,387 ลบ. มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีในอดีต 7 เท่าตัว
คาดกาไรปี 63-65 โตก้าวกระโดดเฉลี่ย 79.2% ต่อปี
พร้อมคาดผลการดาเนินงานของ JR จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปี 63-65 หนุนโดยการรับรู้รายได้งานรับเหมาเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่เร่งตัวขึ้น ทาให้รายได้คาดว่าจะเติบโต 55.1% CAGR โดยมี Backlog รองรับแล้วถึง 80% ทาให้ Downside ของประมาณการค่อนข้างจากัดและยังไม่รวมโอกาสได้งานเพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดยังอยูภายใต้การควบคุมที่ดีโดย Gross Margin คาดชะลอลงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่ดี 16.8-17% ส่วน SG&A/Sales ลดลงอย่างมีนัยยะจาก Operating Leverage ส่งผลให้กาไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 80.3% CAGR ในปี 63-65
ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 64 ที่ 8.80 บาท
จึงประเมินมูลค่าเหมาะสมของ JR อ้างอิงระดับ PEG 1 เท่า โดยใช้ระดับ Target PER ที่ 23 เท่า (อ้างอิงการเติบโตของกำไรสุทธิปี 65) และมี Premium จากผู้เล่นในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและสาธารนูปโภค และผู้เล่นในกลุ่ม SI จากการเติบโตของกาไรปี 63-65 ที่โดดเด่นกว่า จึงได้ราคาเป้าหมายปี 641 ที่ 8.80 บาท/หุ้น
www.mitihoon.com