หากจะเอ่ยถึงธุรกิจที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงทั้งผู้เล่นรายใหม่ และผู้เล่นรายใหญ่ที่กำลังจะขยับตัวครั้งสำคัญรายนี้คงสร้างแรงกระเพื่อมให้กับคู่แข่งอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ประกอบธุรกิจผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย ภายใต้การกำกับดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อแบรนด์ ‘ศักดิ์สยาม’ (SAKSIAM) โดยมีทุนจดทะเบียนจำนวน 2,096 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,096 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 1,550 ล้านบาท และกำลังจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 546 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
การระดมทุนครั้งนี้ จะเป็นสปริงบอร์ดให้แก่ SAK ให้มีศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจอย่างก้าวกระโดด ด้วยเป้าหมายภายในปี 2566 ที่จะขยายสาขาให้ได้เป็น 1,119 สาขา จากปัจจุบันราว 519 สาขา (30 มิ.ย. 63) และการลงทุนพัฒนาระบบไอทีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยสนับสนุนแผนการขยายพอร์ตสินเชื่อเติบโตเท่าตัวแตะ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 6,067 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.63)
“เรายังมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และก้าวเป็น “หนึ่งในผู้นำสินเชื่อรายย่อยระดับชาติ” โดยเป็นบริษัทฯ ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ภายใต้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการลูกค้า”ผศ.ดร.พูนศักดิ์ บุญสาลี ประธานกรรมการบริหาร กล่าว
เปิดขุมกำลัง 4 ธุรกิจหลักของ SAK
ปัจจุบัน SAK แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1.สินเชื่อทะเบียนรถ (Vehicle Title Loan) สำหรับลูกค้ารายย่อยบุคคลทั่วไปและเกษตรกร ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์กระบะ รถตู้ รถบรรทุกและรถใช้เพื่อการเกษตร โดยใช้สมุดคู่มือจดทะเบียนรถเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือนสำหรับลูกค้ารายย่อยบุคคลทั่วไป หรือชำระเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 4 เดือนสำหรับลูกค้าเกษตร ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 24 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก
2.สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ประจำที่แน่นอน อาทิ ข้าราชการ, พนักงานบริษัท โดยไม่ต้องใช้หลักประกันในการขอสินเชื่อกำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดร้อยละ 25 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก
3.สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (Nano Finance) เป็นสินเชื่อเพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพสำหรับบุคคลทั่วไป อาทิ พ่อค้า แม่ค้า ผู้ทำงานอาชีพอิสระ หรือผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดร้อยละ 33 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก และ 4.สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรถแลกเงิน (Hire-Purchase and Car for Cash) สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่หรือต้องการนำรถยนต์มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ โดยกำหนดระยะเวลาการผ่อนเป็นรายเดือนไม่เกิน 60 เดือน ด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 350,000 บาท สำหรับรถยนต์และวงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 70,000 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์
ผลงานการันตีเติบโตต่อเนื่อง
การดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2562) บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการ เฉลี่ย 31.6% ต่อปี สอดคล้องกับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 33.5% โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.2563 บริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อรวม 6,067 ล้านบาท จากจำนวนสัญญาสินเชื่อรวม 230,273 สัญญา แบ่งเป็นลูกหนี้ที่มีหลักประกัน 88% และลูกหนี้ไม่มีหลักประกัน 12% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
ซึ่งการขยับตัวครั้งนี้ของ “ศักดิ์สยามลิสซิ่ง” เรียกได้ว่า ไม่ธรรมดาจริงๆ และคงจะเป็นที่จับตาของทั้งคู่แข่งและเชื่อว่าสายตานักลงทุนทุกสายตาคงจับจ้องมาแบบไม่ให้คลาดสายตาทีเดียว
www.mitihoon.com