ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. โมโน เน็กซ์ (MONO) โดย นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภายหลัง กล่อง 3 BB เปิดตัวไปช่วง เดือนพ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่ง MONOMAX ซึ่งเป็นบริษัทในเครือได้จับมือกับ 3BB นั้น ถือว่าผลตอบรับดีมาก และทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 1 แสนกล่อง ก็สามารถถึงเป้าหมายภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ทางบริษัทเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หาก 3BB สามารถขายกล่องได้มากกว่า 3.5 แสนรายรายได้ที่จะเข้ามา MONO(ซึ่งจะมีรายได้ 50บ./กล่อง) เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทมีรายได้แล้วจากการ่วมกับ 3BB จากการขายพ่วงแพคเกจ 3BB Gigatianment ช่วงเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรับรู้รายได้ราว 50 บ./สมาชิก (ที่ 3.5แสนราย)ซึ่งถือเป็น 1 เด้งแรก
ผลิตคอนเทนต์ป้อน 6 ช่อง
นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้ในส่วนที่เพิ่มจาการรับจ้างผลคอนเทน์ให้กับ 3BB เพื่อป้อนให้กับกล่อง 3BB จำนวน 6 ช่อง ซึ่งจะเริ่มปลายเดือนพ.ย.นี้ โดยได้ค่าผลิตคอนเทนต์ดังกล่าวราว 162 ลบ./ปี ซึ่งถือเป็นเด้งที่ 2 ดังนั้นในปีนี้จะรับรู้รายได้ราว 1 เดือนเศษ ทั้ง กล่อง 3 BB มีทั้งหมด 30 ช่อง แบ่งเป็น ช่องจากพาร์ทเนอร์กับ HBO 6 ช่อง ,ช่องเด็ก 5 ช่อง เช่น CARTOON NETWORK , BOOM ERANG , nick,nick jr. ,cartoon club ,ช่องข่าว 5 ช่อง อาทิ CNN, BBC WORLDNEWS, Bloomberg เป็นต้น ,ช่องวาไรตี้ 5 ช่อง ,สารคดี 3 ช่องม ช่องคุณผู้ชาย 2 ช่อง, ช่องกีฬา 4 ช่อง และช้อปปิ้ง 1 ช่อง เป็นต้น ซึ่งถือว่าเหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งเรื่องความคมชัดระดับ Fullhd จนถึง ระดับ 4K
ตั้งเป้าปี64โต 35-70 %
และเด้งสุดท้ายบริษัทบริษัทคาดว่าทุกอย่างจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติจึงคาดว่าปี 64 ยอดขายโฆษณาในส่วนของช่องทีวีดิจิทัล MONO29 มีโอกาสจะกลับไปใกล้เคียงปี 62 อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการดำเนินการปรับค่าโฆษณาขึ้นไปแล้ว เกือบเท่าตัวในช่วงเวลาไพร์มไทม์ที่ 3 แสนบาท/นาที จากเดิม 1.5-1.8 แสนบาท/นาที บวกกับในส่วนที่จับมือร่วมกับ 3BB ด้วยนั้นจึงตั้งเป้าว่ารายได้ปีหน้าจะเติบโต 70 % หรือราว 2,843 ลบ.จากปีก่อนหน้า (Best Case) ส่วนกรณีเลวร้าย(Worst Case) รายได้ยังมีโอกาสเติบโตราว 35 % หรือราว 2,272 ลบ.
MONOผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
ด้านบทวิเคระห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของMONO ในช่วงที่เหลือของปีที่คาดว่า จะขาดทุนลดลง ซึ่งเราเริ่มเห็น EBITDA ที่กลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ในไตรมาสที่ ผ่านมา ภาพรวมปี 63 ยังคงประมาณการผลประกอบการจะขาดทุน 808 ลบ. และในปี 64 จะขาดทุนลดลงเหลือ286 ลบ.
ธุรกิจสตรีมมิ่งคือจุดเปลี่ยน
สำหรับธุรกิจสตรีมมิ่ง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งพฤติกรรม ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คนไม่ได้ผูกติดกับการดูที่วีผ่านช่องประจำเหมือน สมัยก่อน การที่บริษัทจับมือกับทาง 3BB จากการขายพ่วงแพ็คเกจ 3BB กับภาพยนต์ ของ MONOMAX และ ยังมีภาพยนต์จากช่อง HBO เรามองว่าเป็นการเพิ่มฐานรายได้ มากขึ้น แต่จุดอ่อนเรามองว่าก็ยังมี คือ การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ในธุรกิจ สตรีมมิ่ง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่ NETFLIX ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งสูงสุดสำหรับฐาน ลูกค้าระดับกลางถึงบน และยังมีรายอื่นๆที่ตามมา ทั้ง VIU IFLIX WETV ส่วน MONOMAX มีโอกาสได้ฐานลูกค้าระดับล่างและต่างจังหวัดเนื่องจากภาพยนต์ส่วนใหญ่ ภาคไทย แต่เรามองว่าฐานลูกค้าระดับล่างส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมที่จะจ่ายเงิน และยัง สามารถดูฟรีได้ผ่านช่อง MONO ►เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ เรามองว่าผลประกอบการผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว และ ฟื้นตัวดีต่อเนื่องในปี 64 มีโอกาสที่ผลประกอบการจะออกมาดีกว่าประมาณการเดิมได้
www.mitihoon.com