ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล เนื้อหอม SAWAD โดดควบรวม ตั้งเป้าปี 2564 ยอดสินเชื่อโตกว่า 100 % เล็งเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

560

 

มิติหุ้น-ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล เติบโตน่าจับตา ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันภายใต้กำกับ มียอดหนี้คงค้างกว่า 1,000 ล้านบาทภายใน 12 เดือน เนื้อหอม SAWAD โดดควักเงินลงทุนเพิ่มอีก 192.5 ล้านบาทเพื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ขยายฐานลูกค้าหลังควบรวมดันสภาพคล่องดี วางแผนขยายบริการสินเชื่อรายย่อยให้หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตเพิ่มอีกกว่า 100 % พร้อมเล็งเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า

นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า การเข้าควบรวมกิจการกับบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล  จำกัด หรือ เอสแคป (SCAP) โดยเพิ่มการลงทุนอีก 192.5 ล้านบาท จะทำให้หลังจากที่ควบรวมกิจการแล้วเอสแคป (SCAP) จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาท ซึ่งทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ SAWAD เพิ่มเป็น 65% จากเดิม 5% และ SAWAD จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

การควบรวมครั้งนี้เนื่องจาก SAWAD มองเห็นถึงศักยภาพการบริหารธุรกิจของเอสแคป (SCAP) ว่าจะสามารถเติบโตพร้อมทำกำไรได้ดี โดยตั้งแต่เอสแคป (SCAP) เริ่มเปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นมา เอสแคป (SCAP) มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมียอดหนี้คงค้างกว่า 1,000  ล้านบาท  ในขณะที่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพียง 0.2 % การเติบโตอย่างรวดเร็วดังกล่าวเป็นผลมาจากกระบวนการคัดเลือกลูกค้าชั้นดี มีคุณภาพ มีระบบปฏิบัติการสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ สามารถอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรัดกุมและรวดเร็วด้วยบุคลากรมืออาชีพที่ต่างมีความชำนาญในวงการการเงินการธนาคารกว่า 30 ปี

ด้วยการควบรวมดังกล่าวจะทำให้ฐานลูกค้าของกลุ่ม SAWAD ขยายเพิ่มขึ้นเนื่องจาก เอสแคป (SCAP) เน้นกลุ่มลูกค้าชั้นดีระดับกลางถึงระดับบนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป และเน้นผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน  ทั้งนี้เอสแคป (SCAP) จะเป็นบริษัทฯ ที่มีเสถียรภาพทางการเงินเพิ่มขึ้นและในอนาคตมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยอื่นๆ ให้มีความหลากหลาย มีความหมาะสม และตรงตามความต้องการของลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น  โดยในปี 2564 เอสแคป (SCAP) ตั้งเป้ามียอดสินเชื่อเติบโตกว่า 100 %  โดยกำหนดเป้าหมายจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า

www.mitihoon.com