กูรูชี้งบQ1แรง-อัพไซด์เกิน100%
มิติหุ้น-TMILL โบรกชี้ไตรมาส 1/2561 โชว์กำไรโดดเด่น หลังรับอานิสงส์ค่าเงินบาทแข็ง-ความต้องการเร่งตัวขึ้น-รุกตลาดภูธร แถมครึ่งปีหลังกำลังผลิตพุ่ง แนะ “ซื้อ” ชี้เป้า 7.80บาท อัพไซด์เกิน 100% ด้าน “บิ๊กบอส” สั่งลุยเทกโอเวอร์ขยายฐาน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า “บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ หรือ TMILL” โดย “บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 1/2561 คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 25-30 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรเพียง 12.46 ล้านบาท และทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากความต้องการกลับมาเร่งตัวขึ้นและได้ผลบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัว
รับประโยชน์บาทแข็ง
โดย TMILL จะได้รับประโยชน์เต็มๆจาก “ค่าเงินบาทที่แข็งค่า” เพราะต้นทุนวัตถุดิบกว่า 90% คือข้าวสาลี ซึ่งเป็นการนำเข้าทั้งหมด ดังนั้นไตรมาส 2/2561 คาดรายได้จะเติบโต และอัตรากำไรขั้นต้นที่โดดเด่นหนุนกำไรเติบโตจากไตรมาสก่อน และ ช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเป็นผลจากการขยายตลาดไปต่างจังหวัดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จะเริ่มเห็นผลหนุนปริมาณคำสั่งซื้อเติบโตชัดเจน พร้อมกับการประหยัดต่อขนาดทำให้อัตรากำไรสุทธิสูงขึ้น ดังนั้นปี 2561 ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”
ลุยเทกโอเวอร์ไทย-เกาหลีใต้
ด้าน “ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์” รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ TMILL เผยอยู่ระหว่าง
เทกโอเวอร์และร่วมทุนธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน 2 ราย ซึ่งเป็นทั้งในประเทศไทยและเกาหลีใต้ แต่ในปี2561จะขอโฟกัสดีลในไทยก่อน เบื้องต้นบริษัทจะสรรหาที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อทำดีลนี้
ซึ่งรูปแบบการลงทุนมี 2 แนวทาง คือ “ตั้งบ.ร่วมทุนและถือหุ้น 50:50” หรือ “เทกโอเวอร์” โดยคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในช่วงไตรมาส 4/2561 นี้ และรับรู้ส่วนแบ่งกำไร-รายได้เข้ามาทันที สำหรับดีลในประเทศเกาหลีใต้นั้น รายนี้มีแบรด์นอาหารของตัวเองและยังส่งออกไปทั่วโลกด้วย คาดจะเกิดขึ้นในปี 2562
เด้งรับค่าเงินบาทแข็ง
ส่วนธุรกิจปี 2561 แม้จะสู้ปี 2560 ไม่ได้เพราะเป็นปีทองที่ทำกำไรนิวไฮในรอบ 10 ปี แต่ผลงานในปี 2561 จะโตกว่า 30% จากปี 2559 โดยจะใช้กลยุทธ์ 1. เน้นทำการตลาดเจาะกลุ่ม SME เพราะให้มาร์จิ้นสูงถึง 20-50% เทียบรายใหญ่ที่ 5% ซึ่งตั้งเป้าฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 300ราย จากเดิม 100-200 ราย คาดกำลังผลิตเพิ่มเป็น 75% จาก 60-65%, 2. บริหารจัดการต้นทุน, 3.ออกผลิตใหม่ (M&A) และ4.ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า (นำเข้าวัตถุดิบถึง 90%)
www.mitihoon.com