มิติหุ้น-SA พร้อมลงสนามเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 ธ.ค. นี้ ปลื้มยอดจองซื้อ IPO ล้นหลาม วางเป้าหมายก้าวเป็นผู้นำอสังหาฯ แบบครบวงจรระดับประเทศ
‘บมจ.ไซมิส แอสเสท’ หรือ SA เตรียมพร้อมเข้าเทรดวันแรก 25 ธันวาคมนี้ มั่นใจนักลงทุนจะให้การตอบรับดี ในการนำหุ้นเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปลื้มผลตอบรับการเสนอขาย IPO ดีเกินคาด โชว์ศักยภาพเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย และมุ่งเป็นผู้นำอสังหาฯ แบบครบวงจรระดับประเทศ ผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตแม้ในยามเศรษฐกิจชะลอตัว สวนกระแสโควิด-19 รอบใหม่
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 25 ธันวาคม 2563 โดยใช้ชื่อย่อ ‘SA’ หลังจากปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนทั้งสิ้น 150 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 13.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 5.50 บาท ซึ่งภายหลังจากการเปิดจองซื้อหุ้นในวันที่ 17 – 18 และ 21 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจ และมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสร้างการเติบโตที่ดีในอนาคตจากจุดเด่นด้านการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร การพัฒนาโมเดลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่แตกต่าง และความสามารถในการควบคุมต้นทุนที่ดี
ทั้งนี้ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ วางแผนขยายการลงทุนเพื่อก้าวเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่หลากหลาย เช่น Food & Beverage, ศูนย์สุขภาพ Wellness Center เป็นต้น พร้อมกันนี้ ได้ขยายขอบเขตบริการใหม่ โดยทำพื้นที่ครัวกลางให้เช่าหรือ Cloud Kitchen สำหรับผู้ประกอบธุรกิจอาหารแบบเดลิเวอรี่ ภายใต้ชื่อ Bizzie Dish ตั้งอยู่ภายในโครงการ Blossom Condo @ Sathorn-Charoenrat เป็นที่แรก ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านอาหารเข้าเช่าพื้นที่แล้วกว่า 10 ราย และมีแผนจะขยายให้ครอบคลุมโครงการอื่นๆ ในอนาคต
ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และส่วนที่เหลือจะนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ 1) โครงการ Blossom Condo @ Fashion 3 ย่านรามอินทรา ใกล้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งมีแผนพัฒนาเป็น Mixed-use Real Estate ประกอบด้วย โรงแรม ห้องชุดพักอาศัย ห้องชุดแบบมีบริการให้เช่า พื้นที่เชิงพาณิชย์และห้องประชุม 2) โครงการ Above 39 มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท โดยมีแผนปรับปรุงเป็นโรงแรมหรือห้องชุดให้เช่าพร้อมบริการภายใต้มาตรฐานโรงแรม และ 3) โครงการ Blossom Condo @ TSH Station ย่านวิภาวดีรังสิต ติดโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2564 พร้อมกันนี้ รวมทั้งมองหาโอกาสขยายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่มีศักยภาพการเติบโต และการพัฒนาโครงการในจังหวัดท่องเที่ยว นอกจากนี้จะแสวงหาที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพเพื่อมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงโดยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำและสม่ำเสมอ (Recurring Income)
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า SA นับว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ เนื่องจากกระจายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ที่ไม่ได้มาจากอสังหาริมทรัพย์เพียงธุรกิจเดียว ซึ่งในทุกโครงการของ SA จะแบ่งพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัยให้ได้มากที่สุด ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ Wellness Center และ Cloud Kitchen
นอกจากนี้ SA ได้ใช้กลยุทธ์พัฒนาโครงการแบบ Branded Residence เพื่อยกระดับการให้บริการที่พักอาศัยตามมาตรฐานโรงแรมชั้นนำระดับโลก ตามแบบฉบับของแบรนด์ที่ใช้ในการบริหารโครงการ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ และสร้างความภาคภูมิใจของผู้อยู่อาศัย ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าแก่โครงการ สามารถดึงดูดนักลงทุนที่ซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่า และยังจะช่วยให้อัตราค่าเช่าและราคาขายปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ บมจ.ไซมิส แอสเสท มีเป้าหมายในอนาตตที่ชัดเจน โดยจะใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและทีมงานในธุรกิจก่อสร้างกว่า 30 ปี เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็น 1 ใน 5 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้บริโภคนึกถึง (Customer Choice)
www.mitihoon.com