วิเคราะห์เจาะลึกประเด็นการลงทุนประจำสัปดาห์ วันที่ 28 – 30 ธ.ค.2563
มิติหุ้น-ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-25 ธ.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง โดยดัชนีฯถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมทั้ง ความกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ แม้ว่าบริษัทโมเดอร์นาได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจะสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ในอังกฤษ ก็ตาม ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเช่นกัน โดยปรับลดลงในช่วงแรก หลังทางการอังกฤษได้กำหนดมาตรการ lockdown และยกเลิกแผนการที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ ในช่วงคริสต์มาส เนื่องจาจับตาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการคุมเข้มด้านกฏระเบียบของทางการจีนกไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์แพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิมถึง 70% อย่างไรก็ดี ดัชนีฯลดช่วงลบบางส่วน ขานรับการที่อังกฤษ และสหภาพยุโรป ได้บรรลุข้อตกลงการค้า Brexit ระหว่างกัน สำหรับตลาดหุ้นจีน (A-Share) ปรับเพิ่มขึ้น หลังสื่อของรัฐบาลจีนรายงานว่า ทางการจีนจะยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะดำเนินการอย่างสอดคล้องกับกรอบนโยบายที่กำหนดไว้สำหรับปี 2021 อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯลดช่วงบวกลงบางส่วน จากความกังวลที่ว่ารัฐบาลจีนได้สอบสวนบริษัทอาลีบาบาในข้อหาผูกขาดตลาด ด้านตลาดหุ้นไทยปิดบวก จากแรงซื้อนำในหุ้น DELTA และ BAY ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ประกอบกับผลประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 บ่งชี้ว่า จะไม่มีการ lockdown แต่แบ่งเขตควบคุมบางพื้นที่ ส่วนราคาน้ำมันดิบปิดลบ จากความกังวลการใช้มาตรการ lockdown ในหลายประเทศ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน
มุมมองของเราในสัปดาห์นี้
ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่มีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ตามที่ตลาดฯส่วนใหญ่จะเปิดทำการถึงวันที่ 30 ธ.ค.นี้ โดยตลาดฯได้รับ Sentiment ในเชิงบวก จากความคืบหน้าในการออกมาตรการเยียวยารอบใหม่ของสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามบังคับใช้มาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดฯ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสัญญาณความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนและยาต้านโควิด-19 หลังบริษัท AstraZeneca เปิดเผยผลการวิเคราะห์ใหม่ว่า วัคซีนโควิด-19 ซึ่งบริษัทได้พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford มีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันโควิด-19 รวมทั้ง ตลาดฯ ยังมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการบรรลุข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจของยุโรปและอังกฤษในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ความกังวลการแพร่ระบาดระลอกใหม่ รวมถึงการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ที่พบในอังกฤษ จะเพิ่มความเสี่ยงที่ทางการหลายประเทศจะยังออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดขึ้นต่อ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนในช่วงสั้น หลังทางการจีนได้เริ่มต้นกระบวนการสอบสวนบริษัทอาลีบาบา ในข้อหาผูกขาดตลาด และควบคุมกฎระเบียบทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นกับบริษัทแอนท์ กรุ๊ป รวมถึง การที่นักลงทุนมีแนวโน้มระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่จะตลาดฯจะปิดทำการช่วงวันหยุดสิ้นปีนี้ และรอติดตามผลการเลือกวุฒิสภาสหรัฐฯในรัฐจอร์เจียในวันที่ 5 ม.ค.2021 ซึ่งจะมีผลต่อรูปแบบของสภาคองเกรสใหม่ของสหรัฐฯว่า พรรคเดโมแครตจจะสามารถครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภาได้หรือไม่ โดยประเด็นข้างต้นจะกดดันให้ตลาดหุ้นโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด
เหตุการณ์สำคัญ (KEY EVENTS)
- การออกมาตรการเยียวยารอบใหม่ของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้ลงนามในร่างงบประมาณวงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯสามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2021
- ติดตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการใช้มาตรการ lockdown โดยล่าสุดแคนาดา เยอรมนี และสวีเดนพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ รายแรก ประเด็นข้างต้น ได้ส่งผลให้หลายประเทศออกมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 เช่น สหรัฐฯได้กำหนดให้ผู้โดยสารทางอากาศที่เดินทางมาจากอังกฤษต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ขณะที่ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศห้ามชาวต่างประเทศเข้าประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2020 – 31 ม.ค.2021
- ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสโควิด-19 โดยล่าสุดมีข้อมูลใหม่บ่งชี้ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่แอสตร้าเซนเนก้าพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ 95% และ 100% สำหรับเคสที่อาการร้ายแรง นอกจากนี้ CEO แอสตร้าเซนเนก้า แสดงความเชื่อมั่นว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัท จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 กลายพันธุ์ในอังกฤษ
- ติดตามประเด็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯได้ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทจากจีน 58 บริษัท และรัสเซีย 45 บริษัท โดยระบุว่า บริษัทเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน ซึ่งการขึ้นบัญชีดำข้างต้น หมายความ บริษัทสหรัฐฯที่ต้องการจะขายสินค้าที่จะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารให้กับบริษัทเหล่านี้ จำเป็นต้องขอใบอนุญาตก่อน
- การออกกฎระเบียบควบคุมความเสี่ยงของจีน โดยธนาคารกลางจีนได้มีคำสั่งให้ Ant Group กลับไปเน้นการทำธุรกิจด้านการให้บริการชำระเงินเพียงอย่างเดียว หลังจากในช่วงที่ผ่านมา Ant Group ประกอบธุรกิจด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ธุรกิจให้สินเชื่อ ธุรกิจบริหารเงินลงทุน และธุรกิจประกัน โดย Ant Group จะต้องแจ้งกรอบเวลาในการปรับปรุงการทำธุรกิจให้กับธนาคารกลางจีนทราบ
- ติดตามประเด็นข้อตกลง Brexit โดยอังกฤษและสหภาพยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit และสำหรับขั้นต่อไป ข้อตกลงข้างต้น จะต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ และจะต้องผ่านการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากสหภาพยุโรปภายในสิ้นปีนี้ (สหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะกำหนดให้ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ชั่วคราวไปจนกว่าที่รัฐสภายุโรปจะลงมติในปีหน้า) ก่อนที่ข้อตกลงข้างต้นจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 2021
- ตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board ดุลการค้า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต และนอกภาคการผลิตของจีน, รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือน พ.ย.โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม และดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย
- วิเคราะห์โดย: นางสาวเกษรี อายุตตะกะ CFP® ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
นายจตุรภัทร ทนาบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
www.mitihoon.com