SKN ฉายแววโตก้าวกระโดด ปรับราคาขายรับดีมานด์ล้น

1007

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ SKN ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปแผ่นไม้
สำหรับอุตสาหกรรมผลิตเฟอร์นิเจอร์ฉายแววฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยแหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม ระบุว่า SKN จะเติบโตก้าวกระโดดในปี 2564 นี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มอุปสงค์เฟอร์นิเจอร์ทั่วโลกเร่งตัวขึ้น ขณะที่โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์หลายแห่งย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย บวกกับข้อดีของกลุ่มลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ คือ มีความต่อเนื่องในคำสั่งซื้อ

หันผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูงเน้นขายออนไลน์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะกระทบกับกำลังซื้อบ้าง แต่บริษัทวางแผนรับมือโดยจะเน้นหาตลาดใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น และหันไปทำตลาดผ่านออนไลน์เป็นหลัก พร้อมเน้นการพัฒนาสินค้ารูปแบบพิเศษที่มีการแข่งขันต่ำกว่าและยังสามารถทำตลาดได้ดี นอกจากนี้ยังได้ทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นมาด้วย ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากตลาดตะวันออกกลางเกือบ 60% ตลาดเอเชียกว่า 20% และอื่นๆ อีกราว 15-17% โดยตลาดในประเทศมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยไม่ถึง 5%

แหล่งข่าวระบุอีกว่า จากภาพรวมการผลิตไม้อัด MDF แม้จะลดปริมาณลง แต่ SKN ได้หันไปทำไม้ OSB ที่ได้รับความนิยมสูงเนื่องจากสามารถใช้เป็นไม้ก่อสร้างอาคารภายนอกได้ และมีอัตรากำไรที่ดีกว่ามาก บริษัทจึงปรับการผลิตมาด้านนี้เต็มตัว จุดเด่นสำคัญของ SKN อีกอย่างคือมี Net margin อยู่ในระดับที่สูง โดยเฉลี่ย 3 ปีสูงกว่า 13% ขณะที่คู่แข่งตัวเลขต่ำกว่านี้มาก

ผลงานโตก้าวกระโดด-9ด.กำไรพุ่ง

ในส่วนของแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทยังขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับรายได้รวมและรายได้จากการขายของบริษัท ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น บวกกับราคาขายที่ปรับตัวขึ้น อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกนัของปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส3 ปี 2563 รายได้รวมและรายได้จากการขายของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกนัของปีก่อน หรือราว 2.93% เนื่องจากปริมาณการขายที่ลดลงและการขายสินค้าแบบ FOB เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของการผันผวนค่าเงินบาทจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี2563

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนขายของบริษัท ที่ในงวด 9 เดือนแรกของปี 63 ได้ปรับตัวลดลงเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง เช่นเดียวกันกับไตรมาส 3/63 ที่ต้นทุนยังปรับตัวลงต่อเนื่อง จากราคาวัตถุดิบและปริมาณการขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

จากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปี 63 บริษัทมีกำไรก่อนภาษีเงินได้และกำไรสุทธิอยู่ที่ 142.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 57.45 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก

www.mitihoon.com