โดยหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- การประชุม Joint Technical Committee (JTC) ของกลุ่ม OPEC+ วันที่ 2 ก.พ. 64 คาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2564 จะลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ภายในไตรมาสที่ 2/64 เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิต OPEC สามารถรักษาอัตราความร่วมมือในการลดปริมาณการผลิตน้ำมัน (Compliance Rate) ในเดือน ม.ค. 64 อยู่ที่ 103% ขณะที่ การประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 3 ก.พ. 64 สมาชิกส่วนใหญ่จะยังคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบตามข้อตกลงเดิม โดยในเดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ระดับ 7.125 ล้านบาร์เรลต่อวัน และซาอุดิอาระเบียจะลดปริมาณการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วง ก.พ.- มี.ค. 64 ทั้งนี้ JMMC กำหนดจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 3 มี.ค. 64
- EIA ของสหรัฐฯ รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ สัปดาห์สิ้นสุด 29 ม.ค. 64 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 994,000 บาร์เรล อยู่ที่ 475.7 ล้านบาร์เรล ต่ำสุด ตั้งแต่ มี.ค. 63
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- Reuters รายงานการผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสทของรัสเซีย เดือน ม.ค. 64 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 120,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 10.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ รัสเซียผลิตคอนเดนเสทประมาณ 700,000-800,000 บาร์เรลต่อวัน
สัปดาห์นี้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 57.5 – 62.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ได้รับปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ล่าสุด The Lancet international วารสารทางการแพทย์ของรัสเซีย รายงาน วัคซีน Sputnik V มีประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 อยู่ที่ 92% ของการทดลองในระยะที่ 3 ประกอบกับนักลงทุนในตลาดยังมีความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ของ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden วงเงินกว่า 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ว่าจะช่วยให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ล่าสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวอยู่ระหว่างผลักดันของประธานาธิบดี Biden ซึ่งพยายามอย่างยิ่งโดยการใช้ขั้นตอน “Reconciliation” ซึ่งจะทำให้สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ สามารถออกกฎหมายเกี่ยวกับภาษี การใช้จ่าย และวงเงินที่เกี่ยวกับหนี้ได้โดยการชนะเสียงข้างมาก (51 เสียง) จากเดิมต้องได้ 60 เสียงจากทั้งหมด 100 เสียง จึงจะสามารถผ่านกฎหมายดังกล่าว ทางด้านนักวิเคราะห์ Goldman Sachs คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี พ.ศ. 2564 จะเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อน อยู่ที่ 97.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปี พ.ศ. 2565 จะเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อน อยู่ที่ 102.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน
www.mitihoon.com