มิติหุ้น – NER มั่นใจผลงานปี 64 โตไม่หยุด ตั้งเป้ารายได้แตะ 2.2 หมื่นลบ. หลังโชว์งบปี 63 กวาดรายได้กว่า 1.6 หมื่นลบ. รุกขยายตลาดอินเดียลุยเจรจาลูกค้ารายใหญ่ 2-3 ราย คาดสรุปคำสั่งซื้อปีนี้ พร้อมขยายโรงงานอีก 5 หมื่นตัน รองรับออเดอร์ลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าเพิ่ม
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ โดย “นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 22,000 ล้านบาท โดยมองว่าความต้องการใช้ยางในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยหนุนหลายด้านทั้งเรื่องราคายาง เรื่องแคมเปญรถเก่าแลกรถใหม่จากประเทศจีน และความต้องการการใช้ยางทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขยายฐาน-อัพกำลังผลิต
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ๆโดยเฉพาะประเทศอินเดีย เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่และอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้ารายใหญ่ในอินเดีย จำนวน 2 – 3 ราย เบื้องต้นคาดจะสามารถสรุปรายละเอียดเงื่อนไขคำสั่งซื้อที่ชัดเจนได้ภายในปี 64 นี้
ส่วนปริมาณการขายยางพารา บริษัทคาดว่าจะสามารถทำยอดขายยางพาราอยู่ที่ 410,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 460,000 ตัน นอกจากนี้ในปลายปี 64 บริษัทมีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการออเดอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
สัดส่วนรายได้ปี 64 ทางบริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 60 : 40 ซึ่งในสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศแบ่งเป็น จีน 70% , ญี่ปุ่น 20% และอื่นๆอีก 10% เช่นสิงคโปร์ อินเดีย บังคลาเทศ เป็นต้น
ราคายางพุ่งต่อเนื่อง
ด้านราคาขายเฉลี่ยในปี 64 จะสูงกว่าปี 63 ค่อนข้างมากเนื่องจากความต้องการใช้ยางธรรมชาติทั่วโลกยังมีมากกว่าปริมาณยางธรรมชาติที่ออกมาทั่วโลก อีกทั้งคุณภาพยางธรรมชาติของประเทศไทยมีคุณภาพดี และนิยมใช้เป็นวัตถุดิบหลักของการผลิตยางล้อรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับความคืบหน้าแผ่นรองพื้นในคอกปศุสัตว์นั้นอาจจะมีความล่าช้าออกไปอีก เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 ทำให้การเดินทางไปเพื่อพูดคุยและเจรจารับออเดอร์จากลูกค้ามีการชะลอออกไป อย่างไรก็ตามบริษัทมีความพร้อมในด้านการผลิตแล้ว หากสถานการณ์กลับมาปกติ และมีคำสั่งซื้อจากลูกค้า บริษัทสามารถเริ่มผลิตได้ทันที โดยคาดการณ์ว่าสินค้านี้จะมี Margin อยู่ที่ประมาณ 25%
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงาน ปี 63 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.63 บริษัทฯ มียอดขายสินค้ารวม 16,349.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,344.28 ล้านบาท หรือ 25.71% จากช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีรายได้รายได้จากการขายสินค้ารวม 13,005.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 858.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 319.80 ล้านบาท หรือ 59.35% เมื่อเทียบเดียวกันของปี 2562 ที่บริษัทมีกำไรจากการยอดขายที่ 538.88 ล้านบาท
www.mitihoon.com