ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG โดย “บล.ทิสโก้” เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก”เข้าลงทุนในหุ้น PTG ล่าสุดได้เดินหน้าธุรกิจใหม่ โดยตั้งงบลงทุน 500 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 6 MWต์ ซึ่งคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ภายใน 2 ปีหลังจากรัฐประกาศการรับซื้อ และรายได้ต่อปีอยู่ที่ 60 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทน IRR 12-13% และอยู่ระหว่างการศึกษาโซลาร์ฟาร์มของกองทัพบก โดยมีแผนการนำบริษัทในกลุ่ม Non-oil เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ ปาล์มคอมเพล็กซ์ และ LPG ในปี 2022 และจะนำธุรกิจ F&B เข้าตลาดหลังจากนั้นด้วยเช่นกัน
ส่วนแบ่งตลาดน้ำมันอันดับ 2
โดยในปี 63 ที่ผ่านมาบริษัทมีปริมาณขายน้ำมันเติบโต 6% จากปีก่อน เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ติดลบ -1.2% จากปีก่อน ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ PTG เพิ่มขึ้นและครองอันดับ 2 ต่อเนื่อง โดยปี 64 บริษัทคาดการบริโภคน้ำมันภาพรวมจะเติบโต 2-4% จากปีก่อน แต่บริษัทคาดจะเติบโตสูงกว่าที่ 8-12% จากปีก่อน เราคาดปริมาณขายน้ำมันในปี 64 เติบโต 10% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 5.4 ล้านลิ
ล่าสุดปริมาณขายน้ำมัน ม.ค. เติบโตเพียงเล็กน้อย 2% จากปีก่อน แต่ในเดือน ก.พ. สามารถกลับมาเติบโตได้ตามเป้าหมาย 8-12% จากปีก่อน และค่าการตลาดน้ำมันปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตมาส 4/63 ที่ 1.94 บาทต่อลิตร แต่เพิ่มขึ้นจาก 1.60 บาทต่อลิตรในไตมาส1/63 ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายบริษัทที่ 1.80-1.90 บาทต่อลิตร
กำไรโตแรง3ปี -ชี้เป้า 24.50 บาท
PTG ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรขั้นต้นจาก Non-oil ขึ้นมาอยู่ที่ 30-40% ใน 3-5 ปีข้างหน้า จาก 11.5% ในปี 63 ซึ่งในปี 64 จะเน้นธุรกิจ 1) ธุรกิจ F&B (Punthai, GFA) คิดเป็นสัดส่วน 30% ของธุรกิจ Non-oil ซึ่งคาดจะเติบโตจากการกำไรของ Punthai และขาดทุนน้อยลงสำหรับ Coffeworld 2) Autobacs ซึ่งปีที่ผ่านมายังคงขาดทุน และคาดปีนี้จะมีกำไรได้จากการปรับการบริหาร และขยายสาขาเพิ่มขึ้นจาก 16 สาขา
ดังนั้นทั้งปี 64-66 คงประมาณการผลประกอบการอยู่ที่ 2,043 ล้านบาท เติบโต 8%, 2,300 ล้านบาท เติบโต 12.5% และ 2,689 ล้านบาท เติบโต 16.9% จากปีก่อน ตามลำดับ โดยเรายังไม่รวมการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่ไว้ในประมาณการ โดยยังแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 24.50 บาท
www.mitihoon.com