ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ช.การช่าง หรือ CK โดย “บล.เคจีไอ” เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุนในหุ้น CK เพราะปัจจุบัน CK มี backlog ในมืออยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท และจะมี backlog ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาจากโครงการภาครัฐที่กำหนดจะเริ่มประมูลเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (มูลค่างานโยธา ~9 หมื่นล้านบาท และ งาน O&M ~3 หมื่นล้านบาท), รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (6 สัญญา มูลค่ารวม 7.74 หมื่นล้านบาท) และ รถไฟทางคู่ (เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และ บ้านไผ่ – นครพนม มูลค่า 1.285 แสนล้านบาท)
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโอกาสสูงที่จะได้ backlog ก้อนใหญ่เพิ่มจากโครงการหลวงพระบาง (คาดว่า backlog จะอยู่ที่ 8-9 หมื่นล้านบาท) โดยโครงการนี้กำลังอยู่ระในขั้นตอนของการเจรจา Tariff MOU กับ กฟผ. และคาดว่าจะใช้เวลา 6-12 เดือนในการสรุปสัญญา PPA เราคาดว่าจะเซ็นสัญญา EPC ของโครงการนี้ได้พร้อมกับ PPA
อย่างไรก็ดีเมื่ออิงตาม backlog ในปัจจุบัน ผู้บริหารคาดว่ารายได้ในปี 2564 จะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นเอาไว้ที่ 8.0% (ตามที่เราคาดไว้) ทั้งนี้เราได้รวมโครงการหลวงพระบางที่มีกำหนดจะเซ็นสัญญาภายในสิ้นปีนี้ และจะเริ่มรับรู้รายได้ทันที ~1 พันล้านบาทไว้แล้ว ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของเรา เราคิดว่าราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจาก 1.มีการปรับ K factor และ 2. ยอด backlog ในมือต่ำ ทั้งนี้ backlog ใหม่ของ CK จะอยู่บนโครงสร้างต้นทุนใหม่ ซึ่งจะรวมต้นทุนเหล็กที่สูงขึ้นเอาไว้แล้ว
ทั้งนี้ในระยะสั้น CK จะร่วมในโครงการอุโมงค์ระบายน้ำของ กฟน. (4 สัญญา มูลค่ารวม 1.59 หมี่นล้านบาท), อุโมงค์ผันน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมช่วงคอขวดคลองทวีวัฒนา กทม. และ อุโมงค์ระบายน้ำของคลองแสนแสบ และคลองลาดพร้าว (3.9 พันล้านบาท), ทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง (2 สัญญา มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท) และรถไฟทางคู่ (เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และ บ้านไผ่ – นครพนม) อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังไม่เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการเหล่านี้จนกว่าจะปี 2565 ดังนั้นฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย SOTP ปี 2565 ที่ 26.50 บาท
www.mitihoon.com