จากกระแสข่าวบวกการกระจายวัคซีนทั่วโลก และสถานการณ์ภายในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาครัฐกำลังพิจารณากรอบเวลาในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน โดยเตรียมพิจารณาคลายล็อก ช่วงเดือน เม.ย. ซึ่งจะมีการออก ‘วัคซีน พาสปอร์ต’ ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบแล้ว ทำให้ลดช่วงเวลากักตัวชาวต่างชาติ จากเดิม 14 วัน เหลือ 7-10 วัน และสามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศได้สะดวกขึ้น และดีเดย์เปิดประเทศเต็มที่ในเดือน ต.ค. หลังมีการจัดจำหน่ายวัคซีนอย่างกว้างขวาง
หุ้นบริโภคฟื้น-แนะฉวยจังหวะ”ซื้อ”
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ มองว่าช่วงนี้เป็นจังหวะดีสำหรับหุ้นการบริโภคของไทย รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งคาดเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของการค้าโลก รองจากกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และวัสดุ โดยมองว่าหลังจากที่มีการกระจายวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว การผ่อนคลายระยะเวลากักตัวของภาครัฐ และโครงการวัคซีนพาสปอร์ตก็ส่งสัญญาณบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาส 2/64 และน่าจะชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปี 64 อีกทั้งคาด ครม.น่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก
ชู CPALL-HMPRO-BJC เด่น
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยบล.เคจีไอ จึงปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มการพาณิชย์ เพื่อสะท้อนถึงแนวทางการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และภาวะเศรษฐกิจ โดยเลือก CPALL – HMPRO เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้จากธีมการกลับมาเปิดประเทศ แนะนำ “ซื้อ” CPALL ราคาเป้าหมาย 84 บาท และแนะนำ “ซื้อ” HMPRO ราคาเป้าหมาย 17.80 บาท
ด้านฝ่ายวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินการทยอยคลายล็อกต่อเนื่องของภาครัฐเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีรายได้อิงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกิจกรรมที่อยู่ในการควบคุมการระบาดช่วงก่อนหน้า นำโดย CRC, BJC, CPALL และ MAKRO ขณะเดียวกันคาดหนุน SSSG ตั้งแต่ไตรมาส 2/64 ของกลุ่มค้าปลีกพลิกเป็นบวกจากติดลบในไตรมาส 1/64 ส่วนด้านอัตราทำกำไรที่ยังทำได้ดีต่อ ดังนั้นจึงคาดกำไรสุทธิปี 64 ของกลุ่ม จะโตกว่า 33% โดยเลือก BJC เป็น Top pick กลุ่ม แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 45 บาท จากคาดจะดีจาก SSSG และอานิสงส์ต้นทุนพนักงานลดลงเต็มปี และแถมด้วย CRC แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 42 บาท
www.mitihoon.com
