มิติหุ้น – นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในปี 2564 คาดจะเป็นอีกปีที่ดีของกลุ่มบริษัท เนื่องจาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ส่งผลให้ในหลายๆ โครงการเริ่มทยอยเดินหน้าต่อ และเป็นโอกาสของกลุ่มบริษัทในการเข้าไปขยายงาน ในโครงการภาครัฐบาลที่อยู่ระหว่างรอยื่นประมูลอีกหลายเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเริ่มมีการประมูลในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้แล้ว ขณะที่ บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) เป็นบริษัทในกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในงานโครงสร้างพื้นฐาน เข้ามาเสริมทัพในการคว้างานใหม่ และรับรู้ผลการดำเนินงานรวมกันเต็มปีเป็นปีแรก รวมไปถึง งานภาคเอกชนที่ STI มีความเชี่ยวชาญทางด้านงานอาคาร และมีประสบการณ์ในโครงการขนาดใหญ่มีชื่อเสียงมากมาย จึงตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนมากกว่า 20% หรือรายได้แตะระดับ 1,900 ล้านบาท
ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมา เติบโตตามแผนงานที่วางไว้ แม้ประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่แทบไม่กระทบการทำงานของกลุ่มบริษัท เนื่องจาก งานส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และมีการทยอยรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงานอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) กว่า 4,200 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐบาลสัดส่วน 74% และเอกชนสัดส่วน 26% หรือคิดเป็นราว 200 โครงการ ที่เตรียมทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อีกทั้ง บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก
โดยล่าสุดนี้บริษัทฯ เพิ่งได้รับงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาวิศวกร, โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ รวมมูลค่า 142 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
“ปี 2564 เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปีที่กลุ่มบริษัทสามารถบันทึกสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้ผลการดำเนินงานที่เติบโตของบริษัท สโตนเฮ้นจ์เอง และผลงานของบริษัทย่อย คือ บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ เต็มปี ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทย่อยมีโอกาสขยายงานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้าง ในโครงการภาครัฐบาล ได้แก่ งานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการสนามบินอู่ตะเภา งานโครงการรถไฟรางคู่สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย และสายอีสาน บ้านไผ่-นครพนม และงานโครงการสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นต้น” นายสมเกียรติกล่าว
อย่างไรก็ดี จากความสำเร็จในการควบรวมกับบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ ตามแผนขยายกิจการ สนับสนุนให้ปี 2563 เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ ทั้งรายได้และกำไร ซึ่งบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการมองหาพันธมิตร เพื่อลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัทในระยะยาว
ล่าสุด ผลประกอบการประจำปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,570.3 ล้านบาท เติบโต 120.5% มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ 149.2 ล้านบาท เติบโต 74.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยสำคัญมาจากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) และสนับสนุนให้มีการรับรู้รายได้ของ AEC เข้ามาเพิ่มเติมระหว่างเดือน พฤษภาคม-ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา และปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึง การทยอยส่งมอบงานตามแผน นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดประจำปี 2564 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 10 พฤษภาคม 2564 และวันที่จ่ายปันผล 28 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ สิทธิในการได้รับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน จนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 ที่บริษัทฯ เตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นผ่านการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) วันที่ 29 เมษายน 2564 นี้
www.mitihoon.com