บลจ.กสิกรไทย ส่ง SSF น้องใหม่ ‘กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHINA-SSF)’ สร้างโอกาสทำกำไรในหุ้นจีนจากทุกตลาดทั่วโลก เพื่อความมั่งคั่งในระยะยาว เผยมองบวกต่อจีนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดี มีการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จัดตั้งกองทุน SSF น้องใหม่ชื่อ กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHINA-SSF) สำหรับเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพของหุ้นจีน มองเห็นโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว รวมถึงต้องการได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีปลายปีนี้ โดยเริ่มเปิดเสนอขายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับกองทุน K-CHINA-SSF มีนโยบายการลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund, Class JPM China I (acc) – USD โดยเน้นลงทุนหุ้นจีนในทุกตลาดทั่วโลก (All China) ได้แก่ หุ้นจีน A-Share, H-Share และหุ้นจีนที่จดทะเบียนในอเมริกา (ADR) ครอบคลุมทั้งหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth) คุณภาพสูง (High Quality) และหุ้นกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Economy) เช่น กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ และกลุ่มธุรกิจการบริโภค
ยกตัวอย่างหุ้นชื่อดังอาทิ Tencent, Alibaba และ Meituan-Dianping ทั้งนี้ กองทุนหลักดังกล่าวมีผลการดำเนินงาน 1 ปี และ 3 ปีที่โดดเด่นติดอันดับ Top 10 จากกองทุนหุ้นจีนกว่า 154 กองทุนทั่วโลก และยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar (ข้อมูล ณ ก.พ. 64)
“ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวลดลงจากปัจจัยกดดันหลายประการทั้งจากประเด็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ประเด็นสภาพคล่องจากนโยบายทางการเงิน รวมถึงการปรับขึ้นอัตราภาษีอากรในการซื้อขายหุ้นบนตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มองว่าปัจจัยกดดันดังกล่าวส่งผลให้เกิดความผันผวนในระยะสั้น ในขณะที่ความน่าสนใจในจีน ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง
โดยจีนนับเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศเดียวที่กลับมาฟื้นตัวได้ใกล้เคียงระดับปกติ ด้วยแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่งจากกลุ่มคนชั้นกลางของจีนที่มีกำลังซื้อมหาศาลกว่า 70 ล้านคน รวมถึงรัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญต่อการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่พร้อมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลดีต่อจีนให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินและการคลังของจีนจะเข้มงวดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Policy Normalization) โดยยังคงสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว” นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน K-CHINA-SSF กำหนดให้มีระยะเวลาถือครอง 10 ปีขึ้นไปนับจากวันที่ซื้อ โดยบลจ.กสิกรไทยแนะนำให้ผู้ลงทุนที่สนใจเข้าลงทุนในจังหวะนี้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนได้
เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางการลงทุนข้างต้น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888