มิติหุ้น – PTG มั่นใจผลงานโตแกร่ง ตั้งธงไตรมาส 1/64 ยอดขายน้ำมันพุ่งแรงกว่า 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจ Non-Oil เร่งลงทุนพลังงานสะอาดร่วมกับพันธมิตร ล่าสุดทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิต BBB+ ตอกย้ำศักยภาพ ฟากโบรกประเมินปีนี้งบนิวไฮ เคาะเป้าหมาย 24 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจไตรมาส 1/64 คาดรายได้เติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณยอดขายปริมาณน้ำมันที่เติบโตขึ้นมากกว่า 10% ประกอบกับบริษัทมีการขยายฐานสมาชิก PT MAX CARD เพิ่มขึ้น ปัจจุบันเกือบถึง 15 ล้านราย จากสิ้นปี 2563 ที่ 14 ล้านราย ซึ่งบริษัทมีเป้าขยายฐานลูกค้า PT MAX CARD ในสิ้นปี 2564 นี้ จะเพิ่มเป็น 18 ล้านราย
เร่งเครื่องยอดขายพุ่งทุกทาง
นอกจากนี้บริษัทมีแผนรุกธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้น รวมถึงลงทุนพลังงานสะอาดร่วมกับพันธมิตร คาดจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้เพิ่มขึ้น 8-12% รวมถึงปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15-20% จากการขยายสถานีบริการ และการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) จะเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จากความแข็งแกร่งของ PTG ล่าสุดสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรของ PTG ที่ระดับ BBB+ พร้อมแนวโน้มโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งสะท้อนสถานะความแข็งแกร่งทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
ฐานแกร่งทริสจัดเครดิตBBB+
ทั้งในส่วนของยอดขายและเครือข่ายสถานีบริการ (ปั๊มน้ำมัน) ที่ถึงแม้จะมีสถานะการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปีที่ผ่านมา แต่ผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการได้สูงถึง 4.74 พันล้านลิตร หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่งผลให้บริษัท สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดในอันดับ 2 ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของธุรกิจก๊าซ LPG ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายสถานีบริการก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นอีก 23 แห่ง ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทมียอดขายก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นจาก 134 ล้านลิตร ในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 152 ล้านลิตร ในปี 2563
เติบโตทำระดับสูงสุดใหม่
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ PTG ว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติในไตรมาส1/64 อยู่ในระดับ 500 ล้านบาท +/- ซึ่งจะเติบโตสูงเมใอเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากฐานกำไรที่ต่ำกว่าปกติ เนื่องจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกดดันค่าการตลาดในไตรมาส1/63 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดส่วนแบ่งทางกำไรจาก Palm Complex ยังคงดีต่อเนื่อง จากราคาจำหน่ายปาล์มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 16% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ. 64
ผ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2564 ขึ้น 11% เป็น 2,009 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และได้ปรับส่วนแบ่งทางกำไรขึ้น 20% เป็น 295 ล้านบาท จากราคาปาล์มที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและภูมิภาค นอกจากนี้ ประมาณการมี Upside จากธุรกิจกัญชา-กัญชง บริษัทสนใจที่จะลงทุนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยได้ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ขึ้นเป็น 24.00 บาท
www.mitihoon.com