CGD เคลียร์หนี้พลิกทำกำไร จ่อรับยอดโอนทะลัก-วิ่งหาเป้า2บ.

7204

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายทอมมี่ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ CGH ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ หรือ CGD เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานของ CGD ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด และทั้งปี 2564 จะพลิกภาพผลงานเป็นบวกได้อย่างโดดเด่น ภายหลังที่ CGD นำเงินจากการขายสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ประกอบด้วย โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ และธุรกิจโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาให้กับ บมจ.ผาแดงอินดัสทรี หรือ PDI ซึ่งอยู่ในกลุ่ม CGH

หั่นหนี้ลดฮวบ!ตัวเบาพร้อมพลิกบวก

โดยดีลดังกล่าวนี้จะสร้างกระแสเงินสดให้กับ CGD ได้กว่า 7,800 ล้านบาท สำหรับเม็ดเงินที่ได้นั้น ทาง CGD จะนำไปชำระคืนหนี้สินที่มีอยู่เกือบทั้งหมด ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทจะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงจากระดับ 3.6 เท่า และมีโอกาสต่ำกว่า 1.8 เท่า ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพของ CGD ในการเดินหน้ารุกธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต

ในขณะเดียวกัน การเติบโตของกำไรในปีนี้ยังมีแรงหนุนสำคัญจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังรอรับรู้รายได้จากยอดโอนในโครงการ “โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์” ซึ่งมูลค่าโครงการราว 20,500 ล้านบาท โดย ณ ปัจจุบัน มียอดขายแล้วกว่า 75 % ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการโอนภายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 13,000 ล้านบาท ทำให้มียอดรับรู้รายได้สะสมรวมกว่า 80 % ของมูลค่าโครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมาร์จิ้นราว 53%

มั่นใจปี64พลิกทำกำไรได้ชัวร์

ด้านนายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CGD ผู้พัฒนาโครงการ “เจ้าพระยา เอสเตท” โครงการมิกส์ยูสที่มีทั้งคอนโดมิเนียมและโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่าโครงการรวมกว่า 32,000 ล้านบาท เปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทคาดว่า แนวโน้มธุรกิจรวมทั้งผลประกอบการในปี 2564 จะกลับมาดีขึ้นและมีกำไรได้ จากปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 406 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 434 ล้านบาทในปี 2562 โดยส่วนใหญ่เกิดจากการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่า 740 ล้านบาทจากการจำหน่ายธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้นและไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท

สำหรับโครงการ “โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์” มียอดพร้อมโอนมูลค่าราว 16,000 ล้านบาท ซึ่งทยอยโอนมาตั้งแต่ไตรมาส 4/62 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียน สภาพคล่องได้เป็นอย่างดีในการพัฒนาโครงการในอนาคต โดยจะสามารถรักษาระดับกำไรขั้นต้นของโครงการไว้ในระดับสูง ที่เฉลี่ยที่ผ่านมาอยู่ที่ 53%

www.mitihoon.com