ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.วิค หรือ WIIK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 330,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 742,263,290 บาท เป็น 1,072,263,290 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกินจำนวน 330,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตรา 1.75 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขาย 2.70 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ จะเสนอให้พิจารณาคำขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Whitewash) ของ Lesso (Thailand) Investment Limited (LESSO) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เนื่องจาก LESSO ได้มีหนังสือแจ้งต่อบริษัทว่ามีความประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวตามสัดส่วนที่ถือและจองซื้อเกินสิทธิรวมไม่เกิน 260 ล้านหุ้น คิดเป็นส่วนที่จองซื้อตามสิทธิ 80 ล้านหุ้น และจองซื้อเกินสิทธิ 180 ล้านหุ้น
ภายใต้สมมติฐานว่า หากไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน และ LESSO สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนครบตามจำนวนที่แจ้งความประสงค์ คือจำนวนหุ้นที่ได้รับจัดสรรจะเท่ากับ 260 ล้านหุ้น จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ LESSO ในบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 24.25% เป็นไม่เกิน 47.77% ของทุนชำระแล้วหลังจากการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ จะมีผลให้ LESSO ไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท (Tender Offer) ที่ 25% และ LESSO มีหน้าที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทตามที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ซึ่ง LESSO มีความประสงค์จะขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท
คณะกรรมการบริษัทพิจารณากำหนดให้วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในระหว่างวันที่ 13-19 สิงหาคม 2564 และ อนุมัติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่1/2564 ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564
บริษัทจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนดังกล่าวจำนวน 891 ล้านบาทโดยประมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัททั้งในส่วนธุรกิจท่อและข้อต่อพลาสติกพอลิเอทิลีนโดยการลงทุนก่อสร้างปรังปรุงโรงงานเพื่อเพิ่มสายการผลิตท่อ PPR, PVC และท่อชนิดอื่น จำนวน 510 ล้านบาท การลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำของบริษัทย่อย งบประมาณ 750 ล้านบาท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ
ทั้งนี้ บริษัทได้วางแผนโครงสร้างเงินลงทุนโดยกำหนดสัดส่วนการใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน คิดเป็น 60-80% ของเงินลงทุนของแต่ละโครงการและส่วนที่เหลือใช้เงินที่จะได้รับจากการเพิ่มทุน ซึ่งเงินลงทุนสำหรับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทจำนวนประมาณ 1,260 ล้านบาท
