ภาพรวมการลงทุนดีกว่าคาด

340

ภาพรวมดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับขึ้นดีกว่าคาด (เดิมคาดจะยังแกว่งตัว Sideway) แม้จะมีปัจจัยกดดันเรื่องการปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยของ MSCI แต่ปัจจัยบวกเรื่องการเร่งฉีดวัคซีนในประเทศเดือน มิ.ย. เป็นปัจจัยหนุนที่มีผลต่อการลงทุนมากกว่า ขณะเดียวกันปัจจัยจากต่างประเทศโดยเฉพาะเรื่องภาวะเงินเฟ้อและโอกาสการลดมาตรการ QE ของเฟด เริ่มคลายกังวล ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับขึ้นดีกว่าคาด

 

สำหรับสัปดาห์นี้แนะนำ ติดตาม i) ประเด็นเรื่องการเร่งนำเข้า ทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก สำหรับการเร่งฉีดให้กับประชาชนในประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งหากประเด็นนี้เป็นบวกมากขึ้น จะทำให้ตลาดฯเริ่มคาดหวังเรื่องการเปิดประเทศปลายปีนี้ ii) การทยอยจัดประชุมนักวิเคราะห์ หุ้นรายตัว ซึ่งมีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการฯหุ้นรายตัวหลังการประชุมฯ เราประเมินดัชนี SET index ที่ปรับขึ้นแรงกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสทดสอบแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,600 จุด กรณีที่ผ่านแนวต้านจิตวิทยาดังกล่าวได้มีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านถัดไป 1,630 จุด  อย่างไรก็ดีในกรณีที่ดัชนี SET index ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านจิตวิทยาดังกล่าวได้ มีโอกาสที่จะพักที่บริเวณแนวรับ 1,570 จุด

 

ประเมิน การลงทุนในสัปดาห์นี้จะเน้นไปที่หุ้นกลุ่ม Domestic play มากขึ้น โดยในบทความสัปดาห์ก่อน เราแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Domestic play เนื่องจากคาดการเริ่มต้นฉีดวัคซีนในเดือน มิ.ย. จะหนุน Sentiment การลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ หุ้นกลุ่ม Domestic play ที่น่าสนใจอาทิ CPALL, CRC, CENTEL, MINT เป็นต้น ขณะที่หุ้นกลุ่มส่งออกจะยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องใน 2Q64 หุ้นที่น่าสนใจได้แก่ หุ้นกลุ่มขนส่ง (III, LEO) และหุ้นกลุ่มส่งออก (SAT, EPG) รวมทั้งหุ้นกลุ่มที่ราคายัง Laggard + Valuation ไม่แพง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, RATCH, EGCO) สำหรับหุ้นกลุ่ม Global play อาทิ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี มีโอกาสที่จะถูกขายเปลี่ยนตัวเล่นมากลุ่ม Domestic play และกลุ่มที้ยัง Laggard (Sector rotation)

โดย สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย
บล. เคจีไอ (ประเทศไทย)

www.mitihoon.com