ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.โรงพยาบาลไทยนครินทร์ หรือ TNH ว่า ในงวดไตรมาส 3/64 (สิ้นสุด 30 เม.ย. 64) TNH มีรายได้รวม 458 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/64 ยังโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่จบทำให้คาดว่ายังมีคนไข้เข้าตรวจโควิด-19 ต่อเนื่องหนุนรายได้และอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการรายได้จากการรักษาพยาบาลและกำไรสุทธิที่ 2,035 ล้านบาท และ 280 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 1% YoY และ 9% YoY ตามลำดับ ขณะที่ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิสำหรับปีการเงิน 2565 อยู่ที่ 2,122 และ 290 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 4%
บริษัทปรับกลยทุธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในการแบ่งเฟสก่อสร้าง โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างศูนย์รังสีรักษา (Linac Center) เพื่อให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งซึ่งคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2565 แผนก่อสร้างโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 ทยอยทำทีละเฟสย่อยเพื่อลดภาระในการกู้เงินและลดความเสี่ยงทางการเงิน จึงยังไม่มีความจำเป็นในการกู้เงินเป็นจำนวนมากโดยสามารถใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานราวไตรมาสละ 200-250 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันยังไม่มีภาระหนี้สินและภาระต้นทุนทางการเงินและฝ่ายวิจัย คาดว่าบริษัทจะใช้แผนเดียวกันนี้ต่อเนื่องในปีงบการเงิน 2565 ทั้งนี้บริษัทได้ขยับระยะเวลาเริ่มก่อสร้างโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 ไปอยู่ในปีงบการเงิน 2565
คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเหมาะสม 32 บาทสำหรับปี 2565
ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มธุรกิจของ TNH ที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับภาวะการณ์ปัจจุบัน ในการประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้สมมติฐาน ProspectedPERที่ระดับ 20เท่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทางสถิติย้อนหลัง 3 ปีของ TNH ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรต่อหุ้นสำหรับปี 2564 เท่ากับ หุ้นละ 1.6 บาท คำนวณได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 32 บาท ใกล้เคียงกับราคาปิดล่าสุด พร้อมคาดการณ์ div.
yield ราว1.5% ต่อปี จึงคงคำแนะนำ “ถือ”