DTAC กูรูส่องผลงานQ1เป็นบวก ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อเก็งกำไร”

114

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ DTAC ในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย ราคาปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 1.12% ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ในหุ้น DTAC จาก 1) คาดการณ์กำไรปกติในไตรมาส 1/61 ที่จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่น 152% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 538 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตจากฐานที่ต่ำและการแข่งขันที่ลดความรุนแรงลง แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการลงทุนโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น

2) ทิศทางอุตสาหกรรมโดยรวมยังดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/61 เป็นอย่างน้อย หากการแข่งขันจะกลับมา ก็น่าจะเป็นไตรมาส 3/61 ก่อนคลื่นหมดสัญญาสัมปทาน และ 3) ดีลการเช่าคลื่น 2300 MHz จาก TOT ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอัยการสูงสุด หากปิดดีลได้ก่อนการประมูลคลื่นจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับ DTAC หากการประมูลคลื่นถูกเลื่อนออกไปจากครึ่งปีหลังของปีนี้

อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินการแข่งขันในอุตสาหกรรมจะยังทรงตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ แต่โอกาสที่จะกลับมารุนแรงน่าจะเป็นช่วงก่อนหมดสัญญาสัมปทานของ DTAC เพื่อแย่งฐานลูกค้า DTAC ซึ่งจะหนุนหุ้นกลุ่ม mobile operators ยังเด่นในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินราคาที่เหมาะสมสิ้นปี 61 ไว้ที่ 50.00 บาทต่อหุ้น และแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ภายใต้สมมติฐาน DTAC ปิดดีลคลื่น 2300MHz ก่อนการประมูล ความเสี่ยงใหญ่ คือ การไม่ได้คลื่นมาเพิ่มเติมหลังหมดสัมปทาน

ทางด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่ามีโอกาสที่ DTAC จะได้ใช้งานคลื่น 2300 MHz ภายในไตรมาส 2/61 เนื่องจากปัจจุบันเหลือเพียงขั้นตอนของการแก้ไขสัญญาระหว่างอัยการและ TOT ซึ่งถือเป็นเรื่องดีของ DTAC ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นก่อนการประมูลคลื่น 1800 MHz เนื่องจากปัจจุบันแม้ว่ากฤษฎีการะบุว่า กสทช.ชุดรักษาการสามารถดำเนินการประมูลได้ ยังไม่มีร่างหลักเกณฑ์การประมูลที่ชัดเจนออกมา รวมถึงอยู่ระหว่างช่วงคาบเกี่ยวการแต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่

ส่วนประมาณการกำไรปกติปี 2561 ยังคงไว้ที่ 1,422 ล้านบาท -28.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่อาจมี Upside จากการเซ็นสัญญาคลื่น 2300 MHz ที่ช้ากว่าคาด จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อเก็งกำไร” โดยยังคงราคาเหมาะสมที่ 50 บาท สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงราว 10% จากสิ้นปีก่อนถึงปัจจุบัน และหลังจากที่ทางฝ่ายแนะนำ “ขาย” ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. ทำให้ปัจจุบันมี Upside เปิดกว้างขึ้น ขณะที่ Catalyst ระยะสั้น คือโอกาสเซ็นสัญญาคลื่น 2300 MHz ในเร็วๆนี้ และความคาดหวังเรื่องการประมูลที่น่าชัดเจนขึ้น