ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR โดย บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MAJOR เปิดเผยเหตุผลดีลการประกาศขายหุ้นที่บริษัทถือ SF อยู่ 647.16 ล้านหุ้น หรือ 30.36% มูลค่า 7,766 ล้านบาท (หุ้นละ 12 บาท) ให้กับ CPN โดยจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการขายหุ้นหลังหักภาษี 2,824 ล้านบาท เนื่องจากมองเป็นโอกาสที่จะสร้างกระแสเงินสดในช่วงวิกฤตสถานการณ์ COVID-19 ที่แพร่ระบาดรุนแรง และกระทบกับธุรกิจ MAJOR ที่ยังไม่สามารถเปิดโรงหนังได้ และบริษัทมีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษจากกระแสเงินจากการขายหุ้นครั้งนี้ และจากปีที่ผ่านมาไม่ได้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นจากประกอบการขาดทุน
โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกในการขายหุ้น SF ครั้งนี้ โดยในการขายหุ้น SF ครั้งนี้ ไม่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจกับ SF แต่อย่างใด เป็นการรู้ส่วนแบ่งกำไรจากผู้ถือหุ้นทางบัญชีเท่านั้น (non-cash) ไม่มีผลต่อกระแสเงินสด และยังช่วยทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ MAJOR ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ผลประกอบการปีนี้คาดขาดทุน จากราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับตัวลง 15% ใน 2 วันที่ผ่านมาจาก sell on fact หลังจากบริษัทฯประกาศดีลขายหุ้น SF (จากราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมาราว 40% ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.21-ก่อนประกาศดีล จากข่าวลือดังกล่าว)
ฝ่ายวิจัยมองเป็นโอกาสในการสะสมเข้าลงทุน ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดผลประกอบการปี หน้าจะกลับมาเป็นกำไรได้จากสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายลงและหนัง Hollywood และหนังไทยจำนวนมากเตรียมพร้อมเข้าฉาย ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 31 บาท Dividend Yield 2564-65F ที่ 4.9% และ 3%