กระแสการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลเริ่มกลับมาหวือหวาอีกครั้ง นับตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.64 หลังราคา Crypto Currency หลายสกุลปรับขึ้นแรงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Bitcoin (Crypto Currency เหรียญแรกของโลกและมี Market Cap ใหญ่ที่สุด) ที่ดูเหมือนจะเป็น กลับมาเป็นขาขึ้น ล่าสุด อยู่ที่ 4.56 หมื่นเหรียญขึ้นราว 10% นับตั้งแต่ต้นเดือน % MTD และทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน และยืนเหนือ EMA 200 วัน
โดย ฝ่ายวิจัย “บล.เอเชียพลัส” คาดการณ์ว่าปัจจัยพื้นฐานในรอบนี้ที่หนุนราคา Crypto ปรับขึ้น ทั้งจาก 1.การได้การยอมรับให้เป็นสื่อการชำระสินค้ามากขึ้น ล่าสุด ข่าวหนุน คือ Tesla อาจเปิดรับชำระเงินด้วย Bitcoin อีกครั้ง หรือ Amazon อาจเปิดรับ Bitcoin เป็นช่องทางในการชำระเงินภายในครึ่งปีหลังปี 64 และ 2.กระแส ก.ล.ต. สหรัฐ(SEC) อาจทำการอนุมัติ Bitcoin ETF ถูกเผยจาก ประธาน ก.ล.ต. Gary Gensler เผยออกมาช่วง 6 ส.ค. ทำให้ตลาดคาดหวังจะมีเงินทุนไหลเข้า ฯลฯ
บจ.ไทยแห่ขึ้นสังเวียน
ด้านบริษัทจดทะเบียนไทยที่สนใจพร้อมขึ้นสู่สังเวียนและมีข่าวก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่น บมจ.บรู๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ หลังประกาศเข้าลงทุนใน Bitcoin มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนไทยรายแรกที่เข้าลงทุนใน Crypto พร้อมเปิดเผยแผนอนาคตเตรียมกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ดิจิตอลหลายประเภท ด้วยวงเงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมบันทึกบัญชีเป็น “สินค้าคงเหลือสินทรัพย์ดิจิตอล”
ขณะเดียวกัน บมจ.แสนสิริ (SIRI) ก็ได้ประกาศเข้าลงทุนใน บมจ.เอ็กสปริง แคปปิตอล (XPG) หรือ XSpring เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในสัดส่วน 15% ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท โดย XSpring เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่เชื่อมโลกการเงินปัจจุบันกับโลการเงินดิจิตอลหรือ Digital Financial Service เข้าไว้ด้วยกันรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
ส่วนบริษัทจดทะเบียนไทยรายล่าสุดที่มีข่าวได้แก่ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS ที่ส่งบริษัท บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ หรือ JTS ลุยธุรกิจ ขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining) ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางของ Bitcoin Mining Farm ที่ใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia ภายในปี 2567
วัดพลังหุ้นได้ประโยชน์
ฝ่ายวิจัย “บล.เอเชียพลัส” ประเมินว่าราคา Crypto ที่ปรับขึ้นคาดจะสร้างผลบวกต่อบริษัทจดทะเบียนในไทยที่ประกอบธุรกิจ Crypto ซึ่งจากที่รวบรวมในปัจจุบัน บริษัทในตลาดประกอบธุรกิจราว 4 ประเภท ได้แก่
-
บริษัทที่เข้าไปลงทุนใน Crypto Currency โดยตรง เช่น หุ้น BROOK ซึ่งผลประกอบการจะขึ้น / ลง หรือได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ฯจาก แนวโน้มราคาเหรียญ
-
บริษัทที่เข้าไปลงทุนขุด BITCOIN (BITCOIN Mining) : เช่น หุ้น JTS ต้นทุนคือ ค่าไฟ , อุปกรณ์ และการ์ดจอในขุด ฯลฯ ส่วนรายได้คือ เหรียญ Crypto อาทิ Bitcoin ที่ได้จากการเข้าไปแข่งกันถอดรหัส ทั้งนี้หากแนวโน้มราคา Bitcoin ปรับขึ้น , ต้นทุนเท่าเดิม จำนวนเหรียญฯที่ขุดได้เท่าเดิม แต่มูลค่าเหรียญที่ขุดได้จะเพิ่ม เป็นกำไร
-
บริษัทที่รับ Crpyto currency หรือ tokens เพื่อใช้ซื้อสินค้า หรือ บริการ : ก่อนหน้าที่ออกข่าวและเกิดกระแสเก็งกำไร อาทิ SIRI , ANAN , ORI , ASW , MAJOR ฝ่ายวิจัย “บล.เอเชียพลัส” ประเมินว่าจะได้เพียงกระแส หรือ Sentiment เชิงบวกเท่านั้น
-
บริษัทที่ทำ ICO portal คือ (ผู้ให้บริการToken) ทำหน้าที่คล้ายที่ปรึกษาทางการเงิน ในการตรวจสอบข้อมูลการออก ICO ของบริษัทที่เสนอขายโทเคน (due diligence) และเก็บรักษาทรัพย์สินของผู้ลงทุน ฯลฯ อาทิ KBANK (ปลายไตรมาสที่ 1 ได้ จัดตั้งบริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเซท จำกัด โดยธนาคารจะถือหุ้น 100%) SCB , XPG, JTS
มุมมองของฝ่ายวิจัย “บล.เอเชียพลัส” ประเมินว่าแนวโน้มราคา Crypto Currency ดูเหมือนว่าจะเป็น Trend ขาขึ้น และระยะกลาง- ยาวเชื่อว่าจะยังเป็น 1 ใน Trend ลงทุน คล้ายๆกับกระแสกัญชง
อย่างไรก็ดีในช่วงสั้น ประเมินว่าราคา Crypto ที่ปรับขึ้น มีโอกาสทำกำไรได้ตามกระแส ในกลุ่มธุรกิจประเภทที่ 1 และ 2 จะได้ประโยชน์ฯ โดยตรง อาทิ BROOK , JTS และ XPG และหากประเมินจากจากค่า Correlation ของราคา BITCOIN และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นดังกล่าวแถบจะไปในทิศทางเดียวกัน คำแนะนำคือ แนะนำเพียง “เก็งกำไรสั้นๆ” ลงทุนแบบระมัดระวัง เนื่องจาก JTS และ XPG ปัจจุบัน ซื้อขายที่ระดับ Traing PE สูงมากเกิน 700 เท่า
จะมีเพียงหุ้น BROOK Traing PE ยังต่ำ ราว 10.8 เท่าดูจะปลอดภัยมากกว่าหากเก็งกำไร
ทว่ากระแสลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลจะไปได้มากถึงเพียงใด คงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด!!!
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้