นับจากการประกาศ Lockdown ตั้งแต่ต้นเดือนกกรฎาคม 2564 ส่งผลให้กลุ่มหุ้นที่เติบโตจากภายในประเทศ (domestic play) ปรับตัวลง เพราะกังวลว่าผลการดำเนินงานจะชะลอตัวลง เนื่องจากมาตรการที่ออกมา ส่งผลกระทบถึงช่วงเวลาในการเปิดให้บริการของกลุ่มค้าปลีก รวมไปถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงก็ส่งผลกระทบไปถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคอีกด้วย
สำหรับมุมมองของ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี มองการที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ (16 ส.ค.2564) เริ่มปรับลดลงต่อเนื่องมา 4 วันติด และวันนี้ (20 ส.ค.64) ลงมาต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วัน หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อทำจุดสูงสุดไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ระดับ 23,418 ราย ก็ทำให้หุ้นกลุ่มที่เติบโตจากภายในประเทศกลับมาฟื้นตัว เพราะคาดหวังว่า น่าจะผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มค้าปลีกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
โดยกลุ่มค้าปลีกมีการปรับตัวขึ้นเฉลี่ย +1.65% YTD ในขณะที่ ดัชนี SET มีการปรับตัวขึ้น +6.6% YTD ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดมาก (Laggard) อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีก ที่ปรับตัวขึ้นหลักๆ มีเพียง GLOBAL ที่ปรับตัวขึ้น 24.12% YTD ในขณะที่ราคาหุ้น HMPRO มีการปรับตัวลดลง -4.38% YTD, MC -8.63% YTD, BJC -2.16% YTD, CPALL -1.29% YTD
และ MAKRO +0.63% YTD ซึ่งยัง Laggard อยู่เมื่อเทียบกับกลุ่ม ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่า ในระยะสั้นอาจเห็นการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น HMPRO CPALL และ MAKRO ตามหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นนำไปก่อนหน้านี้
โดย HMPRO มี upside อยู่ที่ 22% (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท), CPALL มี upside อยู่ที่ 30% (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 74.5 บาท) และ MAKRO มี upside 25% จากราคาเป้าหมาย 49.50 บาท ในขณะที่ CRC แม้ว่าจะปรับตัวดีกว่ากลุ่มเล็กน้อย แต่ก็ยังมี upside สูง โดยให้ราคาเป้าหมาย CRC ที่ 35.25 บาท
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp
