มิติหุ้น – จากรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายวันที่ลดลงต่ำกว่าที่เคยอยู่สูงกว่า 2 หมื่นคนต่อวันมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดความคาดหวังการกลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง โดยฝ่ายวิจัย “บล.กสิกรไทย” ยังคงมุมมอง “บวก” ต่อกลุ่มโรงแรม และหันไปให้ความสำคัญกับธีมการกลับมาเปิดประเทศ คาดว่าตลาดจะกลับมาสนใจโรงแรมภายในประเทศมากขึ้น และคาดว่าผลประกอบการจะผ่านระดับต่ำสุดในไตรมาส 3/63
พ้นจุดต่ำสุด-อัตราเข้าพักดีขึ้น
โดยกลุ่มโรงแรมรายงานผลขาดทุนปกติไตรมาส 2/64 ที่ 5.2 พันล้านบาท น้อยลงจากขาดทุนปกติไตรมาส 1/64 ที่ 6.8 พันล้านบาท จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมในต่างประเทศ แต่เนื่องจากคาดว่าตลาดนั้นได้รับรู้ถึงผลประกอบการของพอร์ตโรงแรมในต่างประเทศ เช่น หุ้น MINT ที่แข็งแกร่งไปแล้ว
ขณะที่คาดว่าอัตราการเข้าพัก (OCC) ภายในประเทศจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/64 ส่วนกิจกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวนับตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นไป คาดว่ารูปแบบการฟื้นตัวหลังจากวิกฤติโควิดระลอก 3 จะฟื้นตัวขึ้นเหมือนกับในครึ่งหลังปี 63 เริ่มจากแหล่งท่องเที่ยวที่ขับรถไปได้ ตามด้วยการท่องเที่ยวระยะทางสั้น
ฝ่ายวิจัย “บล.กสิกรไทย” คาดว่า CENTEL DTC และ VRANDA จะรายงานอัตราการเข้าพักที่สูงเมื่อเทียบกับโรงแรมภายในประเทศอื่นในช่วงครึ่งปีหลังปี 64 เนื่องจากสัดส่วนจำนวนห้องในโรงแรมที่เป็น driving destination สูงกว่าโรงแรมอื่น
เลือก CENTEL เป็นหุ้นเด่น
ส่วนมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการมาในช่วงปี 63-64 จะเป็น upside ต่อผลประกอบการของกลุ่มโรงแรม อย่างไรก็ตามคาดว่า D/E กลุ่มโรงแรมจะเพิ่มสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ฝ่ายวิจัย “บล.กสิกรไทย” คาดว่า CENTEL จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการลดต้นทุนจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ “บล.เคจีไอ” ระบุว่า ถึงแม้สถานการณ์โควิดจะรุนแรงกว่าที่คาดเอาไว้ แต่ยังคงมีมุมมองบวกในระยะยาวกับ CENTEL เนื่องจาก 1.รายได้หลักของ CENTEL มาจากธุรกิจอาหาร ซึ่งน่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่า 2.รายได้ประมาณ 20% ถูกกระจายออกไปที่มัลดีฟส์ และ 3.การเร่งกระจายวัคซีนในประเทศไทยน่าจะช่วยลดความเสี่ยงด้าน downside ในระยะกลางถึงยาวลง ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ประเมินเป้าหมาย 35 บาท
หวัง OCC ไตรมาส 4 โตแรง
ด้านผู้บริหาร CENTEL เผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 3/64 อัตราการเข้าพัก (OCC) จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/64 หรือคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 14-18% ขณะที่บริษัทคาดหวังการเติบโตของ OCC ในไตรมาส 4/64 จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 30-44% โดยเฉพาะปลายไตรมาสคาดว่า OCC จะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 50-70% เนื่องจากคาดการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มทรงตัวในเดือน ก.ย.นี้ และคาดการณ์ GDP จะขยายตัว
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้