นับเวลาถอยหลัง…เปิดประเทศ “1 พ.ย.” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรอบใหม่นี้ หากรัฐบาลประยุทธ์ทำสำเร็จ ก็แค่ “ทำคุณไถ่โทษ” ส่วนการเลือกตั้งรอบใหม่ คนไทยจะตัดสินใจเอง
นับเวลาถอยหลังจากนี้ไป…อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ นโยบาย “เปิดประเทศ” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาลไทย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ก็จะเริ่มเดินหน้า…
หมู่หรือจ่า!…ผลจากการเปิดประเทศรอบนี้จะเป็นเช่นที่ “รัฐบาลประยุทธ์” คาดหวังไว้หรือไม่? อีกเดี๋ยว…เราก็จะได้รู้กัน!
เกือบ 2 ปีเต็มที่บ้านเมืองไทย ไร้ซึ่ง…นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินกันให้ขวักไขว่ เช่นในยามปกติ
แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่แหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญๆ ของไทย ได้ฟูมฟักตัวเองไปพร้อมกับการปรับแต่งความงดงาม เป็นการเตรียมความพร้อมครั้งใหม่…รองรับทุกสายตาจากภายนอกที่จะมีเข้ามาสู่ภายใน
ขณะที่สภาพแวดล้อมเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของไทยในช่วงเวลา “ปิดประเทศ” ถือว่า…ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างน่าพอใจ
โครงการลงทุนขนาดใหญ่…ไม่ว่าจะเป็น สถานีกลางบางซื่อ จุดตั้งต้นของระบบรางที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย
รถไฟฟ้าสีต่างๆ ที่วิ่งให้บริการภายในและรอบเมืองของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก็แล้วเสร็จไปหลายสี ที่ใกล้จะเสร็จก็ยังมีอีกหลายสี
โครงการรถไฟความเร็จสูง ทั้ง 3-4 เส้นทาง…สายเหนือ “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” สายอีสาน “กรุงเทพฯ-หนองคาย” สายตะวันออก “รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน” หรือแม้แต่สายใต้ ที่จะเริ่มต้นแค่ “กรุงเทพฯ-หัวหิน” เป็นการนำร่องก่อน…
ถึงแม้วันนี้ จะเกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่ในขั้นตอนของการวางแผนและเตรียมการ ถือว่า…ก้าวหน้าไปพอสมควร ทันทีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มลงมือทำ…ทุกอย่างก็จะเริ่มเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
สอดรับไปกับ โครงการซูเปอร์บิ๊ก อย่าง…โครงการอีอีซี หรือเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่รัฐบาลไทย ได้ “อัพเกรด” 3 จังหวัดภาคตะวันออก “ฉะเชิงเทรา – ชลบุรี – ระยอง” ให้กลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่ เน้นความเป็น “อุตสาหกรรมไฮเทค”
แตกต่างไปจากอุตสาหกรรมเดิมๆ ที่ใช้เทคโนโลยีไม่สูงนัก และใช้แรงงานราคาถูก เป็นตัว “เรียกแขก” เปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติได้ย้ายโรงงานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง…เวียดนาม และอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ยังมี…โครงสร้างพัฒนาและปรับปรุงเรือโดยสาร อีกหนึ่งทางเลือกของบริการสาธารณะ…ที่ได้ถูกดำเนินการไปพร้อมกับการยกระดับคูคลองและลำน้ำในกรุงเทพฯ มีการนำเรือโดยสารพลังงานแสงอาทิตย์…มาวิ่งให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในเส้นทางสำคัญๆ โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา และเตรียมจะขยายไปยังเส้นทางอื่นๆ อีก
โครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว อย่าง..โครงการสวนป่าเบญจกิติ ที่อยู่ใจกลางเมือง บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ก็เริ่มเปิดให้บริการในเฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 ไปแล้ว หากแล้วเสร็จสมบูรณ์ถึงเฟสที่ 3 ในกลางปีหน้า ก็จะถือว่า…เป็นอีกหนึ่งสถานที่ “สวรรค์บนดิน” สำหรับทุกชีวิตในเมืองหลวงของประเทศไทย
รวมถึงโครงการพัฒนาและปรับปรุงถนนหนทางสายต่างๆ ทั้งในและนอกกรุงเทพฯ อีกทั้งยังมีการจัดสร้างเส้นทางระหว่างเมืองสายหลักๆ มากมาย…อาทิ ทางหลวงพิเศษสาย “กรุงเทพฯ-นครราชสีมา” “กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี” เหล่านี้…ล้วนรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยวในแบบ “ไทยสไตล์” ได้เป็นอย่างดี
นี่ยังไม่นับรวมโครงการก่อสร้างและพัฒนาในส่วนของภาคเอกชนอีกมากมาย ที่ต่างก็เร่งรัดพัฒนา แย่งกัน “ผุด” โครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
แม้ทางการไทย…จะเปิดให้มีการเดินทางมาท่องเที่ยวในลักษณะ “กลุ่มย่อยพิเศษ” ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็แทบจะนับหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ เพราะมีแค่หลักแสนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
มองในมุมบวก…การ “ปิดประเทศ” ในช่วงที่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ยังมีข้อดีให้ประเทศไทยได้หยุดและพัฒนาตัวเอง แล้วจะดีมากกว่านี้…ถ้าเราจะเลือกให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติในเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณเหมือนในอดีต
การเปิดกว้างแบบมีเงื่อนไข…ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นที่จะเริ่มทำในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็น่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจไปกับความแปลกใหม่ ที่ “เจริญหูเจริญตา” มากยิ่งขึ้น! ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างแน่นอน..
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้…นักท่องเที่ยวต่างชาติ ใน 10 ประเทศเป้าหมายหลัก “นำร่อง” ของรัฐบาลไทย ก็จะได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสดินแดนที่พวกเขาโหยหาจะเดินทางท่องเที่ยวกันแล้ว
แต่ก็ใช่ว่าการ “เปิดประเทศ” รอบนี้…จะเปิดกว้างกันเสียทีเดียว! ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว คงเห็นภาพได้ชัด!
นักท่องเที่ยงต่างชาติช่วงแรก…จะมาจาก 10 ประเทศที่กำหนดว่าเป็น “ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ” เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา เป็นต้น และต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว อีกทั้ง…ยังต้องแสดงหลักฐานว่าตนปลอดเชื้อโควิด-19 เช่น ผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ โดยต้องทำการตรวจจากประเทศต้นทาง และตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย
ส่วน จังหวัดที่เปิดให้ท่องเที่ยวในเฟสนี้ ประกอบด้วย กรุงเทพฯ, เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า), ชลบุรี (เมืองพัทยา บางละมุง และสัตหีบ), เพชรบุรี (ชะอำ) และ ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ซึ่งจังหวัดเหล่านี้…จะต้องไม่พบการติดเชื้อโควิดใหม่ที่เป็นคลัสเตอร์ขนาดใหญ่จนสร้างผลกระทบและความหวาดกลัวที่รุนแรงอีกรอบ
ก่อนหน้าจะเปิดประเทศฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ผลิตและเผยแพร่ชิ้นงานภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่ชื่อ Even More Amazing : Amazing Thailand ซึ่งสร้างความ ตื่นตะลึง! และสุดทึ่ง! ให้กับชาวต่างชาติที่ได้เห็นภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้
ไม่เพียงแค่นั้น ททท. ยังทุ่มเงินสูงถึง 200 ล้านบาท เพื่อดึง 2 คนดังระดับโลก อย่าง… “ลิซ่า แบล็กพิงค์” และ “แอนเดรีย โบเซลลี” นักร้องโอเปร่าชื่อดัง มาร่วมงานเค้าท์ดาวน์ “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” ที่ภูเก็ต
เม็ดเงิน 200 ล้านบาทที่เสียไป ถือว่าถูกมาก…เมื่อเทียบกับเป้าหมายรายได้ของ ททท. ที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. แอบหวังใจลึกๆ จะได้เห็นในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงปี 2565 และ 2566 ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้
“ททท.ตั้งเป้าว่า…ตลอดปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยครบ 1 ล้านคน สร้างรายได้จากตลาดในและต่างประเทศ อยู่ที่ 3.2 แสนล้านบาท และยังคาดหวังจะเห็น ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้รวม 2 ตลาด 1.5 ล้านล้านบาท รวมถึง เป้าหมายปี 2566 ที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามา 20 ล้านคน คิดเป็น 50% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2562 และหนุนรายได้รวม เพิ่มเป็น 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 80% ของรายได้รวมในปี 2562” ผู้ว่าการ ททท. ระบุ
ยิ่งการได้ดารานักแสดงชื่อดังจากฮอลีวูด อย่าง… “รัสเซล โครว์” เจ้าของรางวัลออสการ์ วัย 57 ปี ได้โพสต์ภาพคลิปวิดีโอและลงทวิตเตอร์ @russellcrowe ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.7 ล้านบัญชีรายชื่อ ระหว่างเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง The Greatest Beer Run Ever ซึ่งประเทศไทย…เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำนอกเหนือจากที่นิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
โดยชื่มชมที่รัฐบาลไทยจัด “แซนด์บ็อกซ์ ควอรันทีน” ได้ยอดเยี่ยม ทำให้เขาสามารถเดินทางรอบเกาะได้อย่างเสรี แม้จะยังเดินทางไม่ได้ในทุกๆ พื้นที่ แต่ก็ได้มีโอกาสเข้าชมพระใหญ่และน้ำตกอีก 1-2 แห่ง
การโพสต์คลิปโปรโมทการท่องเที่ยวในประเทศไทย เผยแพร่ในโลกโซเชียล โดยเฉพาะ…ยูทูบ และมีคอมเมนท์ชื่นชมมากมาย ก็ยิ่งจะช่วย “เรียกแขก” ได้มากขึ้น
นับเป็นความโชคดีของ “รัฐบาลประยุทธ์” ที่เป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพ จึงได้รับการสนับสนุนอย่างมากมายจากหน่วยงานความมั่นคง ตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ จนถึงเหตุการณ์น้ำท่วมที่คนไทยในหลายจังหวัดกำลังเผชิญอยู่
รวมถึงการ “เปิดประเทศ” ในครั้งนี้ รัฐบาลก็จะได้รับความร่วมมือจากกองทัพและหน่วยงานความมั่นคง อื่นๆ อีกมากมาย
ก็ได้แต่หวังใจว่า…การเปิดประเทศรอบนี้ คงไม่ใครหน้าไหน “นำเข้าเชื้อโควิดฯ” สายพันธุ์ใหม่ๆ เหมือนเช่นเหตุการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในระลอกที่ 2 และระลอกที่ 3 กันอีก
หาก “รัฐบาลประยุทธ์” ทำให้การเปิดประเทศรอบนี้ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ก็นับเป็นการ “ทำคุณไถ่โทษ” กับความผิดที่ช่วงที่ผ่านมาไ ด้เป็นอย่างดีเช่นกัน
ส่วน การเมือง…ว่าด้วยเรื่องการเลือกตั้งครั้งต่อไป คนไทยจะเลือกให้กลับมาบริหารประเทศอีกหรือไม่? คงเป็นเรื่องของอนาคต ที่จะต้องพิสูจน์จากความสำเร็จในปัจจุบัน เทียบความผิดพลาดในอดีต!
โดย เนตรทิพย์กระพริบข่าวร้อน
ที่มา : เนตรทิพย์: เจาะลึก ถึงกึ๋น ถึงแก่น แบบไม่เกรงใจ (natethip.com)
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้