ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) โดย บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 3Q21 เท่ากับ 2.4 พันล้านบาท (+46%YoY, -7%QoQ) ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดและตลาดคาดไว้14% เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ชะลอไว้ก่อนในช่วงโควิด
ระบาด แต่ส่วนนี้จะมากขึ้นใน 4Q21F ทั้งนี้การเติบโตแกร่ง YoY เพราะตั้งสำรอง ECL ลดลง แต่การลดลง QoQ
เนื่องจากตั้งสำรองเพิ่มขึ้น
• กำไรก่อนสำรองใน 3Q21 ลดลง YoY และ QoQ เพราะรายได้หดตัว ซึ่งเป็นผลจากความระมัดระวังในการทำ
ธุรกิจ แม้ว่าต้นทุนการเงินจะลดลงก็ตาม
• สินเชื่อ -0.8%YoY, -2.6%YTD ในสิ้นก.ย.21 แต่ขยับขึ้นเล็กน้อย +0.1%QoQ สินเชื่อที่ลดลงเป็นสินเชื่อราย
ใหญ่และรายย่อย
• NPL ratio เพิ่มเป็น 2.98% เป็นไปตามที่แบงค์ให้ Guidance ไว้
• กำไรสุทธิ9M21 คิดเป็น 77% ของประมาณการทั้งปี
ขณะที่ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า TTB กำไรดีกว่าคาด เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ชะลอไว้ก่อนในช่วงโควิดระบาด และที่สำคัญรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 3% q-q เนื่องจากการฟื้นตัวของค่าธรรมเนียมกองทุนรวม และ ความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ NPL จะเริ่มสูงขึ้น แต่ TTB จะยังคงตัดจำหน่ายและขาย NPL ออกไป ทำให้ NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 2%
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า TTB จะสร้างการเติบโตของ NP หรือ กำไรสุทธิ สูงสุดในกลุ่มธนาคาร ในปี 65 ที่ 32 % ต่อปีโดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ การประสานรายได้จะเริ่มขึ้นปีหน้า TTB จะสามารถใช้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น เพื่อโอกาสในการขายต่อเนื่องและการขายเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ปริมาณเงินกู้และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น และฝ่ายวิจัยยังเชื่อมั่นว่า TTB จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการประหยัดแรงงาน การตลาด และการลงทุนด้านไอทีน่าจะเป็นธนาคารเดียวที่ ROE ปี 65 เพิ่มขึ้นเหนือระดับก่อนโควิด จึงแนะนำ “ซื้อ” เพื่อลงทุนระยะยาว พร้อมประเมินราคาเป้าหมาย 1.40 บ./หุ้น
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp