มิติหุ้น – บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเปิดเผยความคืบหน้าในการเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุน แม้จะมีความท้าทายจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่ CGD ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทประสบความสำเร็จในขั้นแรกตามกลยุทธ์การเพิ่มความแข็งแกร่งเงินทุนและลดภาระหนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงของสถานะทางการเงินสำหรับการเติบโตในระยะยาว
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 บริษัทมีรายได้รวม 629.7 ล้านบาท และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564มีรายได้รวม 2,654.5 เพิ่มขึ้น 19.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นรายได้หลักจากการโอนและการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องของโครงการโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ และยังมีกำไรขั้นต้นในระดับสูง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวน บริษัทมีความมุ่งมั่นในการควบคุมต้นทุนและรักษาเสถียรภาพทางการเงินของกลุ่มบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รอบใหม่ ส่งผลให้ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์และทำให้การให้บริการของธุรกิจโรงแรมในไตรมาสที่ผ่านมาดำเนินการได้อย่างจํากัด รวมถึงมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ถูกนํามาใช้ในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเหมาะสม
ด้านการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทในไตรมาส 3 ที่ส่งผลต่อการบันทึกบัญชีทำให้ในงบการเงินประจำไตรมาสมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 720.1 ล้านบาท แต่นั่นเป็นเพียงรายการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้นและไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัท อย่างไรก็ดีค่าเงินบาทได้แข็งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังสิ้นไตรมาส ทั้งนี้กลุ่มบริษัทยังคงดำเนินตามแผนลดภาระหนี้ เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและลดความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในอนาคต
โดยกลุ่มบริษัทจะสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินและแบรนด์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อสร้างรายได้ โดยคาดว่าจะทำให้กลุ่มบริษัทมีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่องจากการทยอยรับรู้รายได้ในทรัพย์สินที่พร้อมโอนมูลค่าเกือบ 1.5 หมื่นล้านในไตรมาสถัดๆ ไป
นอกจากนี้นาย เบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยเพิ่มเติมว่า “บริษัทประสบความสำเร็จในขั้นแรกตามกลยุทธ์การเพิ่มความแข็งแกร่งเงินทุนและลดภาระหนี้ โดยได้ดำเนินการขายหุ้นร้อยละ 51 ในบริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จํากัด (“WFH”) และ บริษัท เออร์เบิน รีสอร์ท โฮเต็ล จํากัด (“URH”) ให้กับบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จํากัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 เรียบร้อยแล้ว กระแสเงินสดจากการทําธุรกรรมดัง กล่าวทําให้บริษัทมีความพร้อมที่จะชําระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างที่มีอยู่ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเร่งลดภาระหนี้ที่มีแผนจะลดภาระหนี้ลงถึงร้อยละ 88 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงของสถานะทางการเงินสำหรับการเติบโตในระยะยาว”
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้