โบรกปรับมุมมองกลุ่งโรงกลั่นบวกปั้มเสี่ยงสุด แนะโยกลงทุน PTTGC กระทบน้อยสุด

371

มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)หยวนต้า  ระบุว่า จากกรณี กบง.ปรับโครงสร้างเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่น โดยให้ใช้เกณฑ์ ราคา Euro IV เป็นฐาน จากวิธีเดิมที่ใช้ Euro III เป็นฐาน ทำให้ราคา ณ โรงกลั่น สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง ลดลง 41 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันดีเซล ลดลง 61 สตางค์/ลิตร สำหรับแก๊สโซฮอล 91 (E10)  ฝ่ายวิจัยจึงมีมุมมอง “เป็นลบ”ต่อการปรับเกณฑ์คำนวณราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น แม้การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันของโรงกลั่นเป็นเพียงราคาอ้างอิง ไม่ได้บังคับโรงกลั่นให้ขายตามราคาดังกล่าว แต่เนื่องจากโรงกลั่นได้ขายน้ำมันสำเร็จรูปโดยให้ Premium/discount แก่ลูกค้าตามการแข่งขันอยู่แล้ว

ด้านราคาขายปลีกน้ำมันเป็นไปตามกลไกตลาด หากผู้ค้าน้ำมันรายใดปรับลง ก็จะกดดันให้ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆปรับราคาตาม เพื่อให้สอดคล้องกัน  เช่นเมื่อ วันที่ 21 เม.ย. 2561 PTT ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิด (ยกเว้น E85) ลง 30 สตางค์/ลิตร เจ้าอื่นๆก็ทยอยปรับราคาน้ำมันลงตาม  ดังนั้นหากเป็นการปรับลดลงเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล ก็มีโอกาสที่จะมีการปรับราคาลดลงมากกว่า 15 สตางค์/ลิตร ซึ่งเป็นส่วนของเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ลดลง เบื้องต้น เรามองว่ามติดังกล่าวกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงแรก

แต่ระยะกลางถึงยาว เรามองว่าผลกระทบทั้ง Supply Chain  จะถูกแบ่งผลกระทบตั้งแต่โรงกลั่นและสถานีบริการ  แต่จะเป็นสัดส่วนเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับอำนาจการต่อรองระหว่างโรงกลั่นและผู้ให้บริการสถานีแต่ละราย

ดังนั้นผลกระทบจากมติ กบง.นี้ จึงประเมินว่า ผู้ประกอบการที่มีทั้งธุรกิจโรงกลั่น และสถานีบริการน้ำมัน อย่าง BCP , ESSO จะเป็นผู้เสียประโยชน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ยังฝ่ายวิจัยยังได้ทำการศึกษา Sensitivity Analysis โดยหากโรงกลั่นเป็นผู้รับผลกระทบทั้งหมด จะพบว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมากไปน้อยมีดังนี้ SPRC BCP TOP IRPC PTTGC ด้วยประเด็นดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในแง่ของผลกระทบโดยรวม จึงแนะนำ PTTGC เป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงจำกัดที่สุดในเรื่องดังกล่าว เพราะสัดส่วนรายได้จากโรงกลั่นต่ำที่สุด และฐานกำไรหลักมาจากธุรกิจปิโตรเคมีเป็นสำคัญ พร้อมให้ราคาเหมาสมปี 2561 ที่ 103 บาท/ หุ้น

www.mitihoon.com